ภายหลังอาจารย์ดุสิตได้ค้นพบผ้าไหมมัดหมี่ลายสร้อยดอกหมากผืนหนึ่งซึ่งเป็นของเก่าแก่อายุประมาณ 80-100 ปี เนื่องจากเจ้าของผ้านำมาให้ชาวบ้านทอให้เหมือนของเดิมทั้งสีเเละเเบบ เจ้าของผ้านี้บอกว่าลายผ้านี้ชื่อว่า "ลายสร้อยดอกหมาก" ตามคำเรียกของคนโบราณ เพียงเเต่ปัจจุบันชาวบ้านอาจเรียกต่างกันออกไปตามเเต่ละท้องถิ่น เช่น ลายเกล็ดปลา หรือรายโคมเก้า หลังจากนั้น อาจารย์ดุสิตจึงได้นำผ้าลายสร้อยดอกหมาก มาฝึกหัดเเก่ชาวบ้าน ในอำเภอต่างๆ จนในตลอดจนนี้ทุกหมู่บ้านในจังหวัดมหาสารคามต่างก็ร่วมกันอนุรักษณ์ ผ้าทอลายสร้อยดอกหมาก
ผ้าไหมมัดหมี่ลายสร้อยดอกหมาก ของกิ่ง อ.กุดรัง จ.มหาสารคาม เป็นผ้าลายเอกลักษณ์ จ.มหาสารคาม ซึ่งได้รับรางวัลประกวดผ้าไหมจากงานบุญเบิกฟ้าและงานกาชาด จ.มหาสารคาม ประจำปี 2544 และได้รับการคัดสรรเป็นผลิตภัณฑ์โอทอป 4 ดาว ประจำปี 2547 ที่ผ่านมา สมจิตร บุรีนอก ประธานกลุ่มทอผ้าไหมบ้านกุดร้ง เปิดเผยว่า กลุ่มก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2540 จากการที่หน่วยงานพัฒนาชุมชนส่งชาวบ้านไปเรียนการทอผ้าไหมที่ อ.ชนบท จ.ขอนแก่น ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องผ้าไหมมัดหมี่ แล้วก็กลับมารวมกลุ่มสมาชิกเพื่อสอนคนอื่นๆ ต่อ โดยได้ช่วยกันระดมหุ้นคนละ 100 บาท รวมประมาณ 40 คน เพื่อนำไปซื้อเส้นไหมมาให้สมาชิกทอ “ลายสร้อยดอกหมากเป็นลายโบราณ แต่เดิมทาง อ.ชนบท เขาตั้งชื่อว่าลายปลากิว แต่ อาจารย์ดุสิต โพธิ์จันทร์ ที่อยู่อุตสาหกรรมภาคที่ 5 เขาเอามาดัดแปลงและตั้งชื่อใหม่ว่า ลายสร้อยดอกหมาก แล้วมาสอนให้พวกเราทอ ต่อมาในปี 2544 ผู้ว่าฯ ในขณะนั้นท่านอยากได้สัญลักษณ์ของ จ.มหาสารคาม ก็เลยจัดประกวดผ้าไหมในงานบุญเบิกฟ้าและงานกาชาด จาก 300 ชิ้น ท่านคัดเลือกเอาชิ้นเดียว ซึ่งก็คือผ้าลายสร้อยดอกหมากของกลุ่มเรา ทางจังหวัดจึงใช้ลายนี้เป็นเสมือนสัญลักษณ์ของจังหวัด”