วัดมงคลหลวงบ้านเมืองเพีย ตำบลเมืองเพีย อำเภอบ้านไผ่ จังหวัดขอนแก่น สร้างขึ้นเมื่อใดไม่มีใครทราบ เหตุที่เรียกว่าวัดมงคลหลวงนั้น เป็นการเรียกชื่อของพระพุทธรูปองค์หนึ่ง ที่ชาวบ้านเคารพนับถือของความศักดิ์สิทธิ์โดยเรียกติดปากว่า พระเจ้าใหญ่ แต่ทางราชการเรียกว่า พระมงคลหลวง ทางราชการเรียกชื่ออย่างนี้มาตั้งแต่เมื่อใดไม่มีใครทราบ แต่ตามประวัติพระพุทธรูปองค์นี้เป็นองค์พี่ของพระเจ้าใหญ่ผือบัง บ้านหนองร้านหญ้า พระพุทธรูปทั้งสององค์นี้มีผู้เคารพนับถือเป็นอย่างมาก ดังนั้น ชื่อวัดมงคลหลวงจึงได้เรียกตามชื่อพระพุทธรูปเป็นต้นมา ชาวบ้านได้มีการบูชาพระมงคลหลวงในวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๕ ของทุกปี ว่าเป้ฯวัดจัดงานนมัสการโดยเริ่มปฏิบัติการมาตั้งแต่ พ.ศ. ๒๔๙๒ จนถึงบัดนี้
ประวัติความเป็นมาบ้านเมืองเพีย จากหลักฐานโบราณคดีที่ขุดพบ พ.ศ. ๒๕๒๔ และ พ.ศ. ๒๕๒๙ พอสันนิษฐานได้ว่า บ้านเมืองมีประวัติยาวนานมาก จะเห็นได้จากมีคูน้ำและมีคันดินล้อมรอบ โดยคูน้ำหนึ่งชั้น คันดินสองชั้น รอบตัวหมู่บ้านเมืองเพีย อีกทั้งขุดพบเศษพาชนะดินเผาหลายชนิดพร้อมกับพระพุทธรูปหิน นักโบราณคดีได้กำหนดอายุสิ่งของที่ขุดพบอยู่ในพุทธศตวัติที่ ๑๕ เป็นยุคต้นของกรุงรัตนโกสินทร์ ระหว่างรัชกาลที่ ๑ ถึงรัชกาลที่ ๓ ในยุคนี้ได้มีคนลาวจากล้านช้างสุวรรณภูมิได้อพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐานอยู่รุ่นเดียวกับการตั้งถิ่นฐานของชัยภูมิกับนายแล เมืองเพียตั้งขึ้นมีฐานะเป็นเพี้ย (พระยา) และจะต้องส่งบรรณาการไปยังสุวรรณภูมิและเวียงจันทร์ทุกปี หลังจากรัชกาลที่ ๓ ผู้คนได้หลั่งไหลอพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐานอยู่บ้านเมืองเพียแล้วได้ยกฐานะขึ้นเป็นตำบลเมืองเพีย เมื่อ พ.ศ. ๒๓๑๐ มีขุนเที่ยง ชาวงษ์ เป็นกำนันตำบลเมืองเพียคนแรก ขึ้นอยู่ในเขตปกครองของอำเภอชนบทในปี พ.ศ. ๒๔๘๒ กิ่งอำเภอบ้านไผ่ ได้ยกฐานะขึ้นเป็นอำเภอแล้ว ตำบลเมืองเพียเดิมทีขึ้นต่ออำเภอชนบท จึงแบ่งเขตการปกครองมาขึ้นต่ออำเภอบ้านไผ่ใน พ.ศ. ๒๔๘๖ จากนั้นมาได้มีการปรับปรุงแก้ไขพัฒนาขึ้นมาเรื่อย ๆ ตราบเท่าทุกวันนี้
ประวัติหลวงพ่อพระเจ้าใหญ่มงคลหลวง จากคำบอกเล่าของผู้สูงอายุเป็นชาวบ้านเมืองเพียเล่าว่า เดิมนั้นหลวงพ่อพระเจ้าใหญ่ผุดขึ้นมาจากดิน บริเวณศาลาหลังเก่าซึ่งสร้างคล่อมองค์หลวงพ่อเอาไว้ ความสูงที่โผล่ขึ้นมานั้นประมาณหนึ่งศอก ทางวัด พร้อมด้วยชาวบ้านจึงได้ขุดและอัญเชิญขึ้นประดิษฐานบนศาลาหลังเก่านั้น เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๘๐ พระหลวงตาผู้สูงอายุรูปหนึ่งเล่าเพิ่มเติมว่าพอชาวบ้านรู้ข่าวว่ามีพระพุทธรูปผุดขึ้นมาจากดิน ข่าวลือปากต่อปากกระจายไปทั่วสารทิศชาวบ้านชนบทก็ทราบเช่นกัน และมีความประสงค์อยากได้ไปไว้บ้านชนบท จึงได้รวมกันมาอัญเชิญไปอยู่ที่ชนบทแต่เป็นที่น่าแปลกอัศจรรย์อย่างยิ่ง ผู้คนมามากมายไม่สามารถนำหลวงพ่อพระเจ้าใหญ่ขึ้นมาจากดินตรงนั้นได้เลย จนสุดความสามารถจากนั้นชาวบ้านเมืองเพียจึงได้กล่าวขอขมาโทษและอธิษฐานว่า “ถ้าอย่างนั้นท่านคงไม่ไปอยู่ไหนหรอก ขออัญเชิญอยู่ที่นี่ตลอดไปจะได้แผ่เมตตา บารมีปกปักรักษาให้ชาวบ้านเมืองเพียอยู่เย็นเป็นสุข” พอกล่าวจบชาวบ้านจึงสามารถนำองค์หลวงพ่อขึ้นมาจากดินได้สำเร็จ เป็นเรื่องกล่าวขวัญถึงความมหัศจรรย์ไปทั่วบ้านทั่วเมือง จากมูลเหตุนี้เองจึงมีบางคนเรียกนามท่านว่า “พระเจ้าใหญ่องค์ลือ”