นางถนอม ศิริรักษ์(ด้านโภชนาการ)
ครูถนอม ศิริรักษ์ เกิดเมื่อวันที่ ๑๙ มกราคม พ.ศ. ๒๔๗๐ ที่อำเภอระโนด จังหวัดสงขลา เป็นบุตรของ นายสุวรรณ และนางแช่ม เจริญกุลสำเร็จการศึกษาชั้นมัธยมศึกษาปีที ๖ จากโรงเรียนวรนารีเฉลิม จังหวัดสงขลา พ.ศ. ๒๔๘๗มีบุตรธิดารวม ๕ คน เป็นบุตรชาย ๔ คน บุตรหญิง ๑ คนบิดารับราชการเป็นศึกษาธิการ เมื่อครูถนอมเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ มารดาเสียชีวิต จึงมาอาศัยอยู่กับคุณลุงคุณป้า ซึ่งรับราชการอยู่ตามจังหวัดต่างๆ จนกระทั่งเรียนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๖ จากโรงเรียนวรนารีเฉลิมสงขลา และเข้ารับราชการครูจนตำแหน่งสุดท้ายที่ลาออกจากราชการ คือ ผู้ช่วยครูใหญ่โรงเรียนสะทิ้งพระ
ครูถนอมมีความสามารถในเรื่องการแปรรูปอาหาร ได้เริ่มหัดเรียนทำน้ำบูดูจากคุณป้า เมื่อ ปี พ.ศ. ๒๔๘๕ โดยนำปลาทะเลตัวเล็ก มาหมักทำน้ำบูดู ด้วยการใช้สับปะรดหั่นเป็นแว่นหรือใช้ส้มแขกรองก้นโอ่งเพื่อลดความเค็มของเกลือ โรยด้วยน้ำตาลแว่นหรือน้ำตาลโตนดเล็กน้อย เพื่อลดความคาวของปลา และจากการศึกษาดูงานการทำน้ำปลาจากถิ่นต่างๆ ครูถนอมนำน้ำบูดูส่วนหนึ่งหมักทำน้ำปลา ใน พ.ศ. ๒๕๒๐ ใส่ขวดบ่มตากแดดนาน ๖-๘เดือน เป็นสูตรเฉพาะของครูถนอม
ต่อมาเมื่อนำเทคโนโลยีสมัยใหม่ ได้แก่ เครื่องบดไฟฟ้าบดเครื่องแกงเข้ามาใช้ ครูถนอมจึงนำสมุนไพรต่างๆ ที่ใช้ในการทำน้ำบูดู เช่น หอมแดงใบมะกรูด ตะไคร้ ซึ่งจะนำมาเคี่ยวและในที่สุดต้องกรองทิ้งจนเหลือแต่น้ำบูดูนั้น ครูถนอมเห็นว่าสมุนไพรดังกล่าวเป็นสมุนไพรที่รับประทานได้ทั้งหมดและให้คุณค่าทางโภชนาการสูง จึงนำสมุนไพรมาบดให้ละเอียด ทำให้ได้สูตรน้ำบูดูที่มีสมุนไพรบดละเอียดเป็นคนแรก ทำให้ได้สูตรสมุนไพรที่เข้มข้นและรสหวานกลมกล่อมกว่าเก่าครูถนอมได้นำความรู้ทั้งหมดมาเผยแพร่แก่ผู้สนใจทั่วภาคใต้ ทั้งภาครัฐและเอกชนมรตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๒๖ จนปัจจุบัน ทั้งยังเป็นวิทยากรฝึกอบรมแก่ผู้สนใจทั่วไป รวมทั้งบันทึกเป็นหลักสูตรท้องถิ่นเพื่อใช้สอนในโรงเรียนด้วย
องค์ความรู้
ครูถนอม เป็นผู้เชี่ยวชาญในการนำภูมิปัญญาด้านโภชนาการดั้งเดิมของไทย มาปรับประยุกต์ พัฒนาและเพิ่มคุณค่าทางโภชนาการจากผลิตผลทางทะเลให้ทั้งคุณค่าและมูลค่าเพิ่ม ค้นพบและพัฒนาน้ำปลา ซีอิ๊วปลา น้ำบูดู ให้เกิดคุณค่าทางโภชนาการและเกิดมูลค่าในเชิงเศรษฐกิจต่อบุคคลในชุมชน
การถ่ายทอดความรู้
ครูถนอมได้ถ่ายทอดความรู้ต่างๆ ให้แก่ สมาชิก และกลุ่มแม่บ้านจากชุมชนต่างๆ เพื่อนำไปใช้เองในครัวเรือน ผู้ประกอบการจนเกิดโรงงานอุตสาหกรรมน้ำปลาในภาคใต้ประมาณ ๑๐๐ กว่าแห่ง ล้วนแล้วแต่น้ำสูตรของครูถนอมไปแปรรูปทั้งสิ้น สร้างรายได้ให้กับโรงงาน โดยขยายได้วันละประมาณ ๑๐,๐๐๐ ขวด ทั่วภาคใต้ ซึ่งกลุ่มคนเหล่านี้ได้นำความรู้มาเป็นประโยชน์ต่อครอบครัวและการประกอบอาชีพ โดยให้ปฏิบัติต่อจนสามารถทำเองได้นอกจากนี้ยังถ่ายทอดให้แก่ผู้เรียนในระบบ ซึ่งสถาบันการศึกษาบางแห่งตระหนักถึงความสำคัญ จึงได้นำความรู้ดังกล่าวไปจัดทำเป็นหลักสูตรท้องถิ่น
เนื้อหาการถ่ายทอด
เนื้อหาการถ่ายทอดของครูถนอมเป็นเรื่องของการแปรรูปสัตว์น้ำทะเลมาเป็นอาหาร ซึ่งเป็นทรัพยากรที่หาได้ง่ายในจังหวัดภาคใต้ ดังนี้
๑. การทำน้ำบูดูข้าวยำสูตรดั้งเดิมโดยกรองเอาสมุนไพรออก
๒. การทำน้ำปลาจากน้ำบูดู
๓. การทำน้ำบูดูสูตรใหม่โดยเป็นสมุนไพรด้วยเครื่องบดไฟฟ้าผสมลงไปในน้ำบูดู
๔. การทำซีอิ้วปลาโดยประยุกต์จากน้ำบูดู/8**9
การที่ครูถนอม ศิริรักษ์ เป็นบุคคลผู้ทรงภูมิปัญญาด้านโภชนาการ เป็นผู้สร้างสรรค์และสืบสานภูมิปัญญาดังกล่าวมาอย่างต่อเนื่องจนเป็น ที่ยอมรับของชุมชนและสังคม จึงได้รับการยกย่องเชิดชูเกียรติ จากสำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา กระทรวงศึกษาธิการให้เป็นครูภูมิปัญญาไทยเพื่อทำหน้าที่ถ่ายทอดภูมิปัญญาในการจัดการศึกษาทั้งในระบบ นอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัย ตามนัยพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติพุทธศักราช ๒๕๔๒ และแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) พุทธศักราช ๒๕๔๕
เกียรติคุณที่เคยได้รับ
เครื่องราชอิสริยาภรณ์ที่เคยได้รับ จตุรถาภรณ์ช้างเผือก (จช.)
พ.ศ. ๒๕๔๒ รางวัลแม่ดีเด่นในส่วนภุมิภาคประเภท "แม่ผู้บำเพ็ญประโยชน์ต่อสังคม" จากสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทยในพระบรม
ราชูปถัมภ์ประกาศเกียรติคุณ การแข่งขันสวดมนต์ทำวัตรเช้าแปลกถวายเป็นพระราชกุศล ในมหามงคลสมัยเฉลิมพระชนมพรรษา
ครบ ๖ รอบ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อวันที ๑ ธันวาคม ๒๕๔๒
พ.ศ. ๒๕๔๓ เข็มเกียรติคุณ "คนดี ศรีสงขลา" มูลนิธิเรารักสงขลา เฉลิมพระเกียรติ" จังหวัดสงขลา
พ.ศ. ๒๕๔๕ โล่เกียรติคุณ "บุคคลผู้สร้างสรรค์เสียสละเพื่อประโยชน์ต่อสังคมและประเทศชาติ" สาขา ต้นแบบคุณแม่ดีเด่นจากนักธุรกิจ
สร้างสรรค์สังคมไทย
พ.ศ. ๒๕๔๖ ครูภูมิปัญญาไทย รุ่นที่ ๓ ด้านโภชนาการ จากสำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ