ที่มาของอาหาร
คนไทยเชื้อสายมอญส่วนใหญ่มีอาชีพทางการเกษตร เป็นชาวนา ชาวไร่ มีความเป็นอยู่แบบพอเพียง พืชผักที่ใช้ทำอาหารมีอยู่ในชุมชน ต้นยอเป็นพืชที่มีอยู่ทั่วไป หาง่าย ไม่ต้องซื้อ แบ่งปันกัน ทั้ง ใบยอและลูกยอทำอาหารได้ จากคำบอกเล่าของบรรพชน ทำให้เชื่อได้ว่าลูกยอเป็นยารักษาโรคได้ ชาวมอญได้นำลูกยอมาทำส้มตำกับกล้วยดิบ มีรสชาติเปรี้ยวเค็ม และหาทานไ้ด้ตลอดปีและเป็นอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูล ซึ่งในลูกยอมีสารที่สำคัญ เช่นโปรตีน กรดอะมิโน วิตามิน และเกลือแล ส่วนกล้วยน้ำว้า มีคาร์โบไฮเดรต วิตามิน บี ๑ ,บี ๒ , บี ๓ และ บี ๑๒ มีโปรแตสเซียมสูง รักษาอาหารท้องเสียได้
เครื่องปรุง/ส่วนผสม
ลูกยอแก่จัด(มีผิวสีนวล) ๕ ลูก กล้วยน้ำว้าดิบ ๒ ลูก หอมแดง ๓ หัว ปลาย่าง ๔ ตัว (ใช้ปลามีเกล็ด) พริกขี้หนูสด ๒ – ๓ เม็ด กะปิ ครึ่งช้อนชา มะขามสด(ถ้าหากไม่มีใช้มะขามเปียก) น้ำปลา น้ำตาลปี๊บ(ใส่น้อยเพียงแต่ทำให้รสชาติกลมกล่อมเท่านั้น) หมายเหตุ : ปลาย่างใช้ปลาสร้อย
ขั้นตอน/วิธีทำ
สับลูกยอและกล้วยดิบที่ล้างสะอาดแล้วหั่นเป็นชิ้นบาง ๆ ตำาปลาย่างกรอบให้ละเอียด (ไม่ต้องแกะก้างออก) ใส่หอมแดงที่ปอกแล้ว กะปิ โขลกรวมกันกับปลาย่าง ผสมเครื่องปรุงลงในลูกยอและกล้วยดิบที่สับแล้ว ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำตาลและมะขาม ชิมรสตามต้องการ โรยพริกลงไป
เคล็ดลับการปรุง ควรใช้ลูกยอแก่และสด ส่วนกล้วยดิบที่สับแล้ว ควรล้างด้วยน้ำร้อนก่อนปรุงจะทำให้ส้มตำไม่เหนียวข้น