ร่วมแสดงความคิดเห็นกับเรา
ขอขอบคุณสำหรับการเยี่ยมชมเวบไซต์ m-culture.in.th

เราได้จัดทำแบบสำรวจแบบง่ายๆ เพื่อจะ
ได้ทราบถึงสิ่งที่ผู้เยี่ยมชมเวบไซต์เรา
ชอบและให้เราได้เรียนเกี่ยวกับคุณมากขึ้น
 
ละติจูด (รุ้ง) : N 16° 25' 57"
16.4325000
ลองจิจูด (แวง) : E 103° 30' 22"
103.5061111
เลขที่ : 119136
การสักเลกเมืองกาฬสินธุ์ในอดีต
เสนอโดย อดิศรกาฬสินธุ์ วันที่ 29 พฤศจิกายน 2554
อนุมัติโดย mculture วันที่ 21 มีนาคม 2559
จังหวัด : กาฬสินธุ์
3 8138
รายละเอียด

การสักเลกเมืองกาฬสินธุ์ในอดีต

การสักเลกเลก หมายถึง ชายฉกรรจ์ที่มีความสูงเสมอไหล่ 2.5 ศอกขึ้นไป จนถึงอายุ 70 ปี การสักคือการเอาเหล็กแหลม แทงตามเส้นหมึกที่เขียนไว้เป็นตัวอักษร บอกชื่อเมือง ชื่อมูลนายที่สังกัด โดยสักที่ข้อมือด้านหน้า หรือด้านหลังมือ

ทั้งหัวเมืองกาฬสินธุ์ในปี พ.ศ.2392 มีเลกรวมทั้งสิ้น 4,387 คน จนถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงยกเลิกการสักเลก โดยให้มีการสำรวจสำมะโนครัวแทนการเก็บส่วยส่วย หมายถึง สิ่งของหรือเงินที่เลกหัวเมืองส่งให้แก่ทางราชการ เพื่อทดแทนการที่เลกไปรับราชการหรือถูกเกณฑ์แรงงาน สาเหตุที่เลกเมืองกาฬสินธุ์ต้องส่งส่วยให้กับกรุงเทพ ฯ ก็เพื่อเป็นการตอบแทนต่อรัฐบาลในฐานะที่ได้รับการคุ้มครองจากทางกรุงเทพ ฯ ในเชิง "พึ่งพระบรมโพธิสมภาร" รวมทั้งการที่เจ้าเมือง กรมการเมือง ได้รับพระราชทานยศ อำนาจและรางวัลจากทางกรุงเทพ ฯ การเกณฑ์ส่วยเริ่มในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ระหว่างปี พ.ศ.2373 – 2375 ทางกรุงเทพ ฯ ได้ส่งข้าหลวงคือขุนพิทักษ์ และหมื่นภักดีมาสักเลกที่เมืองกาฬสินธุ์ในปี พ.ศ.๒๓๖๗ เพื่อกำหนดเกณฑ์ส่วยสำหรับหัวเมืองกาฬสินธุ์ผูกส่วย ผลเร่ง (หมากเหน่ง) เงิน กระวานและสีผึ้ง ต่อทางราชการ ถ้าหาสิ่งของดังกล่าวไม่ได้ก็จะต้องชำระเงินส่วยคนละ 4 บาทต่อปี ธรรมเนียมการเกณฑ์ส่วยได้ตั้งเกณฑ์สำหรับเลกแต่ละคน หรือแต่ละกลุ่มไว้เป็นอัตราที่แน่นอน เช่น กำหนดให้เลก 5 คน ต่อผลเร่งหนัก 1 หาบ ซึ่งคิดเป็นเงินได้ 5 ตำลึง ต่อมาในปี พ.ศ.2435 ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้เปลี่ยนชื่อเรียกว่า เงิน ค่าราชการ แต่สำหรับมณฑลอีสานยังคงเก็บจากเลกคนละ 4 บาทเช่นเดิม จนถึงปี พ.ศ.2468 ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงเปลี่ยนชื่อเรียกว่า เงินรัชชูปการ ซึ่งก็ยังคงเรียกเก็บจากเลกคนละ ๔ บาทเช่นเดิม ครั้นถึงปีระกา เบญจศก ศักราช 1235 พ.ศ. 2416 พระยาไชยสมุทรหนูและกรมการเมืองกาฬสินธุ์ มีใบบอกขอเพียคำมูล คนเมืองมหาสารคาม มาเป็นเจ้าเมือง โดยขอบ้านทันทาง แขวงเมืองกาฬสินธุ์เป็นเมือง จึงโปรดเกล้าตั้งเพียคำมูล ขึ้นเป็นที่พระประทุมวิเศษ เป็นเจ้าเมืองขนานนามบ้านกันทางเป็นเมืองกันทะวิไชย(กันทรวิไชย)ขึ้นกับเมืองกาฬสินธุ์ ครั้นถึงปีจอ ฉะศก ศักราช 1236 ราวพ.ศ. 2417 เจ้าคุณมหาอำมาตย์ชื่นขึ้นมาชำระ(ทวง-ถาม) เงิน ส่วย (ภาษี) เมืองอุบลราชธานี พอถึงปีกุล สัปดศก ศักราช 1237 ราวพ.ศ. 2418 ก็เกิดราชการทัพ(เกิดศึก)อ้ายฮ่อ ขึ้นที่เมืองหนองคาย เจ้าคุณมหาอำมาตย์ชื่น พาหัวเมืองทั้งปวงยกขึ้นไปตีทัพอ้ายฮ่อ ณ เมืองหนองคาย เมื่อเสร็จราชการแล้ว ก็จัดราชการอยู่เมืองหนองคายแล้วโปรดตั้งหลวงจุมพลพนาเวศมุง ให้ว่าที่ประชาชลบานเจ้าเมืองษาหัศขัน(สหัสขันธ์) ครั้นอยู่ถึงปีชวด อัฐิศกศักราช 1238 ราว พ.ศ. 2419 พระราษฎรบริหารเจ้าเมืองกระมาลาไสย(กมลาไสย) ถึงแก่อสัญกรรมเป็นเจ้าเมืองอยู่ได้ 11 ปี

หมวดหมู่
อื่นๆ
สถานที่ตั้ง
พิพิธภัณฑ์ของดีเมืองกาฬสินธุ์
ถนน กาฬสินธุ์
ตำบล กาฬสินธุ์ อำเภอ เมืองกาฬสินธุ์ จังหวัด กาฬสินธุ์
รายละเอียดการเข้าถึงข้อมูล
สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดกาฬสินธุ์
บุคคลอ้างอิง สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดกาฬสินธุ์ อีเมล์ m.culture.ks@gmail.com
ชื่อที่ทำงาน สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดกาฬสินธุ์ อีเมล์ m.culture.ks@gmail.com
ถนน กาฬสินธุ์
ตำบล กาฬสินธุ์ อำเภอ เมืองกาฬสินธุ์ จังหวัด กาฬสินธุ์ รหัสไปรษณีย์ 46000
โทรศัพท์ 043815805-6 โทรสาร 043811394
เว็บไซต์ http://www.ksculture.go.th
แสดงความคิดเห็น
โปรด เข้าสู่ระบบ ก่อนทำการแสดงความคิดเห็น

ชื่อผู้ใช้
รหัสผ่าน
ยังไม่มีการแสดงความคิดเห็น
ข้อมูลที่แสดงในระบบนี้ จัดเก็บโดยนักวิชาการวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม หากมีข้อเสนอแนะหรือข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อวัฒนธรรมจังหวัด
       ข้อมูลนี้เป็นประโยชน์หรือไม่