แค เป็นไม้ยืนต้นขนาดเล็กสูงประมาณ 3-10 เมตร เปลือกเป็นสีน้ำตาลเข้ม มีรอยขรุขระหนา ใบประกอบแบบขนนกเรียงสลับ ใบย่อยมีขนาดเล็กรูปขอบขนาน ขอบใบเรียบ ปลายใบมนกว้าง ดอกคล้ายดอกถั่ว ออกดอกแบบช่อตรงซอกใบ มีสีขาว ผลมีลักษณะเป็นฝักกลมยาว 30-50 เซนตริเมตร สีเขียวอ่อน ใช้รับประทานเป็นอาหารได้ เมล็ดมีลักษณะเหมือนลิ่ม ขยายพันธุ์โดยการเพาะเมล็ด ในจังหวัดพิจิตรพบได้ทั่วไปเนื่องจากสามารถใช้ประโยชน์จากแคได้หลายส่วน ทั้งยอดอ่อน ดอก ฝัก โดยมากนิยมนำมาทำแกงส้มดอกแค ชาวบ้านเชื่อว่าพอเข้าฤดูหนาวรับประทานแกงส้มดอกแคจะช้วยป้องกันการเป็นหวัดได้
การใช้ประโยชน์
ยอดอ่อนและใบอ่อนสามารานำมาปรุงอาหารได้ เป็นสมุนไพรช่วยดับพิษร้อนถอนพิษไข้ ดอกใช้เป็นอาหาร แก้ไข้หัวลม และช่วยบำรุงอาหาร ฝักอ่อนใช้เป้นอาหารได้
ประกอบอาหาร
ส่วนที่นำมารับประทานได้ของแค คือ ยอดอ่อน ฝักอ่อนออกในช่วงฟดูฝน ใบอ่อนมีรสหวาน ดอกอ่อนออกในช่วงฤถูหนาว ดอกแคมีเส้นใยอาหารเยอะช่วยในการขับถ่าย ก่อนนำไปทำอาหารต้องดึงเอาเกสรออกก่อนเพื่อลดความขม ส่วนที่รับประทานได้ของแคสามารถนำไปปรุงอาหารได้หลายอย่าง อาทิ เช่น แกงส้มดอกแค แกงเหลืองปลากระพงดอกแค ดอก ใบ ยอด ฝักอ่อนของแคนำมาลวกจิ้มน้ำพริกได้ ล้วนเป็นอาหารที่มีคุณค่าให้ประโยชน์ทั้งสิ้น
ยารักษาโรค
นำเปลือกแคมาต้ม คั้นน้ำรับประทานแก้ท้องร่วง แก้บิด แก้มูกเลือด
ดอกแคช่วยแก้ไข้ลดไข้ถอนพิษไข้