วิหารไม้ซึ่งมีหลังคาจั่วซ้อนกันเป็นชั้นเล็กชั้นน้อย มียอดแหลม ๙ ยอด แบบศิลปะพม่า เพดานเป็นลายไม้แกะสลัก และเสากลมใหญ่จำหลักลวดลายประดับด้วยกระจกสี ฝีมือประณีต วิจิตรสวยงาม บ้านท่าคราวน้อย ตำบลสบตุ๋ย ในเขตเทศบาลเมืองด้านทิศตะวันตก เดิมชื่อ วัดท่าคะน้อยพม่า ด้านหลังวัดอยู่ติดกับแม่น้ำวัง เป็นวัดพม่าอีกวัดหนึ่งในจังหวัดลำปางที่มีความงดงามมาก ตามประวัติความเป็นมาของวัดศรีรองเมืองนั้นกล่าวกันว่าสร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ ๕ใช้เวลาสร้างอยู่ประมาณ ๗ ปี โดยคหบดีชาวพม่าซึ่งมารับจ้างทำไม้จากฝรั่งชาติอังกฤษที่ได้รับสัมปทานทำไม้ในภาคเหนือ สมัยที่ลำปางเป็นศูนย์กลางการค้าขายและการทำป่าไม้ เรื่องการสร้างวัดหรือศาสนสถานอันเป็นที่พึ่งทางจิตใจนี้ ชาวพม่าก็เช่นเดียวกับคนไทยที่สำนึกต่อธรรมชาติที่มีบุญคุณทุกอย่าง เมื่อตนมีอาชีพตัดไม้ โค่นต้นไม้ในป่า ย่อมต้องขอขมาต่อธรรมชาติโดยสร้างวัดเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้ พร้อมทั้งอธิษฐานขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ในป่าปกป้องคุ้มครองตนเองมิให้มีภัย แต่เดิมภายในวัดนี้มีทั้งวิหารใหญ่และวิหารน้อย สำหรับวิหารน้อยนั้นมีอยู่ถึง ๙ หลังแต่ปัจจุบันวิหารน้อยเหล่านั้นปรักหักพังไปจนหมดสิ้น จึงเหลืออยู่เพียงวิหารใหญ่ซึ่งเป็นวิหารประธานของวัดเพียงหลังเดียว ปัจจุบันสถาปัตยกรรมที่สำคัญได้แก่ วิหารไม้สร้างด้วยไม้สัก ศิลปะพม่ามีหลังคาจั่วซ้อนกันเป็นชั้นเล็กชั้นน้อย มียอดแหลม ๙ ยอด ฉลุลายบนสังกะสีใช้ประดับบนจั่วและเชิงชายเพิ่มความอ่อนช้อยสง่างามให้กับตัววิหาร ภายในวิหารประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัย ศิลปะพม่าแบบมัณฑเลย์ มีพุทธลักษณะนั่งขัดสมาธิเพชร หน้ากลม คิ้วโก่ง จมูกค่อนข้างสั้น พระประธานองค์ ใหญ่จะห่มจีวรเฉียง พระพุทธรูปองค์ริมทั้งสองข้างจะห่มจีวรคลุมไหล่ องค์ที่สองนับจากซ้ายประดิษฐานอยู่ในซุ้มเรือนแก้วเป็นพระพุทธรูปปางสมาธิศิลปะล้านนา เพดานวิหารประดับด้วยกรอบลายเป็นช่องๆเต็มเพดาน โดยปั้นเป็นเส้นรักและประดับด้วยกระจกสีลวดลายพันธุ์พฤกษา รูปสัตว์และรูปปั้นเทพารักษ์ นอกจากนี้ภายในวิหารยังมีเสาไม้ตกแต่งด้วยการปั้นรักเป็นลวดลายเครือดอกไม้พันธุ์พฤกษาแล้วประดับด้วยกระจกหลากสี ฝีมือประณีตวิจิตรสวยงาม โดยเฉพาะเสาหน้าพระประธานจะปั้นรักเป็นรูปเทพารักษ์ คน ยักษ์ วานร และสัตว์ป่าเหมือนในป่าหิมพานต์ กรมศิลปากรได้ประกาศขึ้นทะเบียนโบราณสถานเมื่อวันที่ ๒๗ ตุลาคม ๒๕๒๔