กว่าร้อยปีที่ผ่านมา เดิมบ้านหนองหล่ม ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตก ของถนนวัฒนา–แซร์ออ (ปัจจุบันเป็นที่ตั้งของธุดงค์สถานป่าหนองหล่ม หมู่ ๔ ตำบลหนองแวง อำเภอวัฒนานคร จังหวัดสระแก้ว)
บ้านหนองหล่ม ตำบลหนองแวง อำเภอวัฒนานคร จังหวัดสระแก้ว เดิมเป็นที่ลุ่มการเดินทางไปมาระหว่างหมู่บ้าน ไม่สะดวก ประกอบกับมีโรคภัยไข้เจ็บเกิดขึ้นกันคนในขุมชน ในปี พ.ศ.๒๔๖๙ จึงได้ย้ายถิ่นฐานมาตั้งหมู่บ้านที่แห่งใหม่ ณ บ้านหนองหล่ม (ในปัจจุบัน)
พระอธิการพยาน มุนิวํโส เจ้าอาวาสวัดหนองหล่ม องค์ปัจจุบัน ได้เล่าให้ฟังว่า ในสมัยนั้น หลวงปู่บุบผา เจ้าสำนักสงฆ์บุบผาราม (วัดหนองหล่มในปัจจุบัน) ซึ่งเป็นปู่ ของพระอธิการพยานฯ ได้เดินทางไปธุดงค์ในสถานที่ทางภาคอีสาน เมื่อครั้งถึงเวลา จึงได้เดินทางกลับสำนักสงฆ์บุบผาราม โดยได้นำพระพุทธรูปองค์หนึ่งมาด้วย สันนิฐานว่า อยู่ในยุคปลายสมัยสุโขทัย (พุทธศตวรรษที่ ๒๐) ลักษณะองค์เป็นสำริดเนื้อทองทั้งองค์ และนำมาประดิษฐาน ณ ศาลาสำนักสงฆ์บุบผาราม ในขณะนั้นยังไม่ได้ตั้งชื่อพระพุทธรูป
ต่อมาในสมัย พระอธิการผัน คุณวโร เจ้าอาวาสวัด (พ.ศ.๒๕๒๐–ถึงปี พ.ศ. ๒๕๔๐) เมื่อวันที่ ๒๒ เมษายน พ.ศ.๒๕๒๒ ชาวบ้าน ได้จัดพิธีสรงน้ำโดยอัญเชิญพระพุทธรูป ลงมาไว้ที่ซุ้ม เพื่อรับการสรงน้ำ โดยจัดงาน ๗ วัน ระหว่างนั้น ยังไม่ครบกำหนด ๗ วัน จึงยังไม่ได้อัญเชิญพระพุทธรูป ไปประดิษฐานบนศาลาที่เดิม แต่ได้เกิดเพลิงไหม้ศาลา สันนิฐานว่า ได้จุดธูป เทียนไว้ ประกอบกับศาลา เป็นไม้ทั้งหลัง ทำให้เป็นเชื้อไฟอย่างดี จึงทำให้ไฟไหม้ศาลา เกือบหมด ด้วยบารมีของพระพุทธรูปทำให้ ไม่ถูกไฟไหม้ ซึ่งเป็นที่เล่าขานว่า ด้วยความศักดิ์สิทธิ์ บุญบารมี ที่พระพุทธรูปองค์นี้ จะอยู่ช่วยปกปัก รักษา คุ้มครอง ประชาชน ทำให้ไม่ถูกไฟไหม้
ชาวบ้านได้เล่าอีกว่า ยังมี พระพุทธรูป ที่สร้างในสมัยสุโขทัย อีก ๑ องค์ ที่อยู่คู่กับพระพุทธรูปที่หลวงปู่บุบผา นำมาจากภาคอีสาน ไม่ทราบสาเหตุว่าหายไปไหน เป็นที่น่าเสียดายมาก ที่พระพุทธรูปได้สูญหายไป สันนิฐานว่า น่าจะเกิดจากอุบัติเหตุไฟไหม้ศาลา ในช่วงเวลานั้น
ในสมัยนั้น มีโจรชุกชุมมาก ผู้คนมาพักค้างแรมในวัด มิได้ขาด แต่พระพุทธรูป องค์ที่หลวงปู่บุบผา นำมาจากภาคอีสานก็มิได้มีผู้ใดกล้าลักขโมย ด้วยอาจเป็นเพราะด้วยบุญมารมี
ต่อมา องค์พระพุทธรูป มีสภาพชำรุดมาก รอบฐานชำรุดแตกออกจากกัน อาจเป็นเพราะมีการสรงน้ำของชาวบ้าน ที่จัดพิธีสรงน้ำ ขอพร พระพุทธรูป ตลอดทุกปี ประกอบกับชาวบ้านก็ไม่ทราบว่าฐานองค์พระทำด้วยไม้สัก เพิ่งมารู้ตอนที่เห็นรอยถูกน้ำกัดกร่อนจนเห็นเนื้อไม้ จะเห็นได้ว่าไม้สักที่นำมาประดิษฐ์เป็นฐานพระพุทธรูปนั้น มีความแข็งแรงมาก และทนทานมาเป็นร้อย ๆ ปี
ด้วยความศรัทธาของชาวบ้านที่ให้ความเคารพนับถือ มีผู้คนมากราบไหว้ ขอพร และบนบานไว้ ซึ่งมักจะประสบความสำเร็จในสิ่งที่ปรารถนา จะกลับมาพร้อมนำดอกมะลิ ดอกดาวเรือง ๓ พวง (ดอกไม้ต้องเป็นสีขาว และสีเหลือง) มากราบไว้บูชา
ต่อมาพระอธิการพยาน มุนิวํโส เจ้าอาวาสวัด ได้ตั้งชื่อพระพุทธรูปองค์นี้ว่า “หลวงพ่อสัมฤทธิ์พุทธสุโขทัย ไชยมหาสิริมิ่งมงคล มนูพูลผล”และยังคงประดิษฐานอยู่ในวัดหนองหล่ม เป็นที่ เคารพ สักการบูชา เป็นแรงศรัทธา เป็นศูนย์รวมจิตใจ เป็นเครื่องบำรุงขวัญ ของบุคคลทั่วไป และอยู่คู่บ้านคู่เมืองตราบจนทุกวันนี้