เมื่ออดีตกาลรุ่นปู่ ย่า ตา ยาย มีขนมอาหารเพื่อกินเล่นๆไม่ค่อยมากนักโดยส่วนใหญ่แล้วคุณปู่ คุณย่ามักจะใช้เปลือกส้มโอเชื่อมเป็นขนมหวาน เวลาปอกลูกส้มโอกินจิ้มเกลือเปลือกที่เหลือก็สามารถนำมาใช้ประโยชน์โดยการนำเปลือกส้มโอปอกเปลือกสีเขียวออกก่อน แล้วบีบให้ออกกลิ่นเขียวๆ ออกแล้วมาแช่น้ำปูนสักพัก เพื่อให้เปลื่อกส้มโอนิ่มและหมดกลิ่นเขียวนั้น และ ได้รักษาภูมิปัญญาเพื่ออนุรักษ์ขนมไทยๆ แต่ปัจจุบันได้มีการพัฒนารูปแบบ สีสัน รสชาดิ ให้เป็นที่ถูกปาก ถูกใจผู้บริโภค โดยทำเป็นชิ้นเล็กๆแต่พอคำ พร้อมเติมสมุนไพรที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย รสชาติดี ด้วยสมุนไพรที่ผสมอยู่ มีความหวานพอเหมาะ สามารถทำเป็นอาหารว่างและเป็นของฝาก ของขวัญได้เป็นอย่างดีเคี่ยวน้ำตาลทรายกับน้ำสะอาดพอเดือด ใส่เปลือกส้มโอต้มสุกและน้ำสมุนไพร เคี่ยวไฟอ่อนจนน้ำแห้งตักผึ่งให้แห้ง รอบๆบ้านมีการปลูกส้มโอ เมื่อรับประทานส้มโอเปลือกส้มโอซึ่งเป็นสิ่งที่เหลือ โดยนำเปลือกส้มโอมากวน ซึ่งสมัยปู่ ย่า ตา ยาย นำเปลือกส้มโอมาเชื่อมซึ่งมีรสหวานเพียงอย่างเดียวทางกลุ่มฯจึงได้มาดัดแปลงรสชาดิ ด้วยผลไม้ที่มีรสเปรี้ยวที่มีมากมายในท้องถิ่นตามฤดูกาล รสชาติ เปรี้ยว เค็ม หวาน เผ็ด เป็นที่นิยมของคนทุกระดับ ที่มีประโยชน์ต่อร่างกายด้วยสมุนไพรไทยด้วย ผู้ให้สัมภาษณ์เล่าว่า โดยส่วนใหญ่มักนิยม พาไปงานแต่งงาน งานเมาลิด เป็นต้น ซึ่งไม่ได้ทำเป็นกลุ่มเป็นทางการ ทำเวลามีงาน
ขั้นตอนการทำเริ่มจากปอกเปลือกส้มโอ แล้วหันเป็นชิ้นเล็กๆ จากนั้นก็ แช่น้ำปูน แล้วล้างออกด้วยน้ำเปล่า จากนั้นก็ต้มน้ำตาลทรายกับน้ำให้เดือดเคี้ยวจนข้น แล้วเติมเปลือกส้มโอที่เตรียมไว้ ต้มจนน้ำแห้ง ให้ออกมาเป็นเงาแวว ก็ยกขึ้นได้พร้อมเสริฟ