ชื่อสถานที่: วัดชัยมงคล
สถานที่ตั้ง: เขตเทศบาลเมืองบางมูลนาก
จดทะเบียนจัดตั้งวัดเมื่อ: พุทธศักราช-
สถานที่ประกอบพิธี: อุโบสถ , ศาลาการเปรียญ , หอฉันท์ , พระมหาเจดีย์ศรีราชวิมลมงคลสถาน
ประวัติความเป็นมา: วัดชัยมงคล เดิมเขียนว่า“วัดไชยมงคล“ ปรากฏตามหนังสือที่อ้างถึงของวัดนี้ เช่นโฉนดที่ดิน เป็นต้นปัจจุบันเขียนว่า “ชัยมงคล“ ทั้งในส่วนราชการและทั่วๆไปที่ได้นามเช่นนั้น ผู้ที่อยู่ใกล้ชิดเหตุการณ์เล่าว่าในระยะเริ่มแรกของการก่อสร้าง มีอุปสรรคหลายประการ เช่น มีผู้ยับยั้งไม่ให้สร้าง เพราะตั้งอยู่ใกล้กับวัดบางมูลนาก ซึ่งเป็นวัดเก่าคู่บ้านคู่เมือง หากมีการอนุญาตให้สร้างขึ้นใหม่อีกวัดหนึ่งแล้ว จะเป็นเหตุให้วัดเก่าร่วงโรยทรุดโทรม ไม่ได้รับการบำรุงเท่าที่ควร เพราะวัดใหม่ตั้งอยู่ใกล้ชุมชนกว่า เป็นต้น แต่คณะผู้ริเริ่มเห็นว่าเมื่อมีผู้ให้ที่ดินและสร้างเสนาสนะไปบ้างแล้ว ก็ควรจะสร้างต่อไปจนกว่าจะสำเร็จ ตามความมุ่งหมายเดิม จึงส่งคนไปติดต่อกรมการศาสนา เพื่อชี้แจงเหตุผล และขออนุญาตสร้างวัด ในช่วงนั้น ท่านเจ้าคุณพระมงคลเทพมุนี ( นวม พุทธสร ) วัดอนงคาราม กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นเจ้าคณะมณฑลพิษณุโลก ได้มาที่วัดบางมูลนากด้วยกิจพระศาสนาบางประการ (บางท่านว่ามาตั้งเจ้าคณะอำเภอบางมูลนาก) คณะผู้ริเริ่มจึงถือโอกาสอาราธนาท่าน มาที่วัดสร้างใหม่ แล้วพร้อมกันถวายที่ดิน และสิ่งปลูกสร้างใหม่ทั้งหมด สุดแล้วแต่อัธยาศัยของท่านจะจัดการอย่างใด เพราะได้ถวายให้เป็นของท่านแล้ว เมื่อเห็นความปรารถนาดีของผู้ถวาย ท่านก็รับ และยกให้เป็นศาสนสมบัติโดยให้สร้างเป็นวัดต่อไป เนื่องจากท่านมีความเห็นว่า วัดที่จะสร้างขึ้นจะไม่กระทบกระเทือนต่อวัดเก่ามากนัก เพราะอยู่ห่างกันพอสมควร ไม่ใกล้ชิดกันดังที่ได้รับรายงาน ทั้งตั้งอยู่คนละฝั่งแม่น้ำด้วย พร้อมกับให้นามวัดใหม่นี้ว่า “วัดชัยมงคล“ ซึ่งคล้ายกับราชทินนามของท่าน และเพราะชนะอุปสรรคจนสร้างเป็นวัดได้ เมื่อท่านเจ้าคณะมณฑลรับที่ดินสิ่งปลูกสร้างและ อุทิศให้เป็นวัดดังนี้แล้ว อุปสรรคในการขออนุญาตสร้างก็เป็นอันหมไป
ศาสนสถานที่สำคัญภายในวัด /เอกลักษณ์ที่โดดเด่นของสถานที่: พระมหาเจดีย์ศรีราชวิมลมงคลสถาน
ความสำคัญ : เป็นศูนย์รวมจิตใจของพี่น้องพุทธศษสนิกชนภายในเขตเทศบาลเมืองบางมูลนากและพื้นที่ใกล้เคียง
กลุ่มคนที่ใช้ ประชาชนในเขตอำเภอบางมูลนาก และ ผู้ททีสัญจรผ่านไป-มา
จำนวนผู้อยู่อาศัย พระภิกษุ และสามเณร จำนวน 20 รูป
ผู้ดูแล/เจ้าอาวาสวัด: พระครูพิสิฐคณาภิรักษ์ (เจ้าคณะอำเภอบางมูลนาก)
อื่นๆ เกร็ดความรู้เพื่อเป็นอนุสรณ์ : ได้พิจารณาเห็นว่า “...การข้ามฟากไปทำบุญยังวัดบางมูลนาก ต้องข้ามแม่น้ำน่านโดยเรือจ้าง ในฤดูน้ำหลาก น้ำไหลเชี่ยวไม่ปลอดภัยแก่ชีวิตและทรัพย์สิน อีกทั้งประชาชนมีมากพอสมควรที่จะสร้างวัดขึ้นใหม่ได้ ...” จึงติดต่อขอที่ดินจากนายยา นางบุญ (ไม่ทราบนามสกุล) บุคคลทั้งสองก็อุทิศที่ดินให้สร้างวัดได้ตามความประสงค์ นายพริ้ง อาจองค์ และ นายฉาย แก้วสาหร่าย จึงเดินทางเข้ากรุงเทพมหานคร เพื่อทำการติดต่อกับกรมการศาสนา เพื่อขออนุญาตสร้างวัด ในที่สุดกรมการศาสนาก็อนุญาตให้สร้างวัดได้