ความเป็นมา
เดิมสถานที่แห่งนี้เมื่อก่อนเป็นคล้ายโบราณสถานมาก่อน และได้เคยมีพระธุดงค์มาพักปักกรดอยู่จำพรรษา ณ สถานที่แห่งนี้มาก่อน เพราะสถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่ที่สงบเหมาะสำหรับการปฏิบัติธรรม เดิมสถานที่แห่งนี้ชาวบ้านมูลกระบือ - บ้านหัวหนองใช้เป็นที่เผาศพ-ฝังศพ หรือที่เรียกง่ายๆว่า “ป่าช้า”นั่นเอง ซึ่งสถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่เผาศพ-ฝังศพ มาหลายช่วงอายุคนแล้ว และในสมัยตั้งหมู่บ้านใหม่ๆ ป่าช้าแห่งนี้เป็นป่าไม้ที่มีความอุดมสมบูรณ์มากและเป็นที่อยู่ของสัตว์ป่าจำพวก ความป่า หมูป่า ไก่ป่า เป็นจำนวนมาก เพราะสถานที่แห่งนี้อยู่ไม่ไกลจากหนองน้ำมากนัก ซึ่งคนเฒ่า คนแก่ ได้เรียกหนองน้ำนี้ว่า “หนองขี้ควาย” นั่นเอง อยู่ต่อมาบ้านเมื่อก็เจริญขึ้นผู้คนก็มากขึ้น ป่าไม้ก็ก็ถูกทำลายมากขึ้น เหมือนกับคำว่า “คนมาป่าหมด”ป่าไม้ที่เคยอุดมสมบูรณ์ก็ได้หายไปแต่ชาวบ้ายก็ยังใช้สถานที่แห่งนี้เป็นที่เผาศพ-ฝังศพ เรื่อยมา และเมื่อวันศุกร์ ที่ ๒๔ เดือน พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๓๙ แรม ๘ ค่ำ เดือน ๗ ปีชวด พระอาจารย์สนั่น สุวิชาโน พร้อมด้วยพระลูกศิษย์อีก ๓ รูป ได้เดินธุดงค์มาพักปักกรดอยู่ปฏิบัติธรรมและจำพรรษา ณ สถานที่แห่งนี้ ซึ่งเป็นหมู่บ้านที่ท่านเกิดนั่นเอง ซึ่งท่านพระอาจารย์ได้เห็นว่าป่าไม้ถูกทำลายไปมาก จึงได้จัดทำโครงการฟื้นฟูสภาพป่า และได้ชักชวนชาวบ้านเข้าร่วมโครงการปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติเนื่องในวาระโอกาสทรงครองราชย์ ๕๐ ปี จึงทำให้สภาพวัดในปัจจุบันเต็มไปด้วยป่าไม้นานาพันธ์ซึ่งให้ความร่มรื่นแก่ญาติโยม อุบาสก อุบาสิกา ที่มาทำบุญ รวมไปถึงเสนาสนะอันมั่นคง และได้ใช้สถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมของพุทธศาสนิกชนทั่วไป และได้ขอแต่งตั้งวัดขึ้นทะเบียนให้เป็นวัดที่ถูกต้องตามกฎหมาย และทางกรมการศาสนาจึงได้ให้เป็นวัดที่ถูกต้อง และได้เปลี่ยนชื่อใหม่เป็น “วัดศิริธรรมวนาราม”ได้เป็นวัดถูกต้องขึ้นทะเบียนต่อกรมการศาสนา เมื่อวันที่ ๒๑ เดือนกันยายน พุทธศักราช ๒๕๔๓ ถือว่าเป็นวัดใหม่และเป็นศูนย์ปฏิบัติธรรมประจำตำบลหนองคอนไทยเรื่อยมา จนถึงปีพุทธศักราช ๒๕๕๑ ได้รับแต่งตั้งเป็น “สำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดชัยภูมิ แห่งที่ ๒๗”
ที่ตั้ง
วัดศิริธรรมวนาราม ตั้งอยู่ทางทิศเหนือของหมู่บ้านมูลกระบือมีระยะห่างจากหมู่บ้านประมาณ ๑ กิโลเมตรเศษๆ ด้านทิศตะวันออกและทิศเหนือมีทางสาธารณะประโยชน์ ซึ่งเชื่อมต่อระหว่างบ้านมูลกระบือ –บ้านหัวหนอง ทิศตะวันตกและทิศใต้ติดกับที่ดินทำการเกษตรกรของชาวบ้าน ส่วนการคมนาคม มีถนนคอนกรีตเข้าถึงวัด ได้มีผู้บริจาคที่ดิน จำนวน ๑๓ ไร่ ๒ งาน ซึ่งที่ดินเดิมที่มีอยู่คือ ๒๗ ไร่ ๑งาน รวมเนื้อที่ทั้งหมด ๔๐ ไร่ ๓ งาน