วัดสนวนวารีพัฒนาราม: ตั้งอยู่ที่ บ้านหัวหนอง หมู่ที่ 1 ตำบลหัวหนอง อำเภอบ้านไผ่ จังหวัดขอนแก่น สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย ที่ดินที่ตั้งวัดมีเนื้อที่ 11 ไร่ 3 งาน 3 ตารางวา อาคารเสนาสนะ ประกอบด้วย อุโบสถ 2 หลัง หลังแรก กว้าง 5 เมตร ยาว 7.30 เมตร สร้างเมื่อ พ.ศ.2466 มีภาพจิตรกรรมฝาผนังรอบโบสถ์ อนุรักษ์ไว้ไม่ได้ใช้งาน ส่วนอีกหนึ่งหลังได้สร้างขึ้นมาใหม่ เป็นอาคารคอนกรีต ศาลาการเปรียญ 1 หลัง สร้างเมื่อ พ.ศ.2512 เป็นอาคารคอนกรีต ศาลาบำเพ็ญกุศล 1 หลัง และกุฎิสงฆ์ 6 หลัง
ประวัติความเป็นมา: วัดสนวนวารีพัฒนาราม ตั้งเมื่อ พ.ศ.2465 เดิมชาวบ้านเรียกว่า “วัดบ้านหัวหนอง” เป็นวัดเก่าแก่ มีสิม(โบสถ์) สร้างขึ้นในปี พ.ศ.2466 โดยช่างก่อสร้าง คือ นายแกว ทองผา มีขนาดความกว้าง 5เมตร ยาว 7.30 เมตร เป็นสถาปัตยกรรมอีสาน มุงหลังคาใหม่ด้วยสังกะสี ต่อหลังคาลงมาเป็นปีก รอบสิม ใต้วงกบมีช่องลมเล็กๆ เพื่อระบายอากาศ ด้านหน้ามีประตู 1 ช่อง หน้าต่าง 2 ช่อง ด้านข้างมีหน้าต่างข้างละ 3 ช่อง ตรงบันใดจะมีรูปปั้นพญานาคอยู่ 2 ตัวช่างแต้ม หรือผู้เขียนภาพฝาผนัง คือ นายหยวก และนายแดง เขียนภาพฝาผนังเมื่อ ปี พ.ศ.2469เขียนภาพทั้งด้านในและด้านนอกด้วยสีฝุ่น เป็นเรื่องราววรรณกรรมพื้นบ้าน ด้านในเขียนเรื่องพระเวสสันดรชาดก สินไซ ราหูอมจันทร์นาคครุฑสิงห์ ด้านนอกเขียนเรื่องสินไซ (สังข์ศิลป์ไชย) และนรกภูมิ รูปแบบหน้าต่างทำเป็นวงโค้ง 2 ชั้น เขียนลวดลายเครือเถาประดับอย่างสวยงาม และไม่ซ้ำแบบกัน ผนังด้านนอกมีเสาติดผนัง เขียนลายเครือเถา และลวดลายพญานาคเกี่ยวพันกัน ภายในสิม หรือโบสถ์ มีพระพุทธรูปเป็นพระประธาน มีลักษณะผอมสูง แต่องค์อื่นมีลักษณะธรรมดา ปัจจุบันนี้ภาพบางส่วนได้ลบเลือนไป และบางส่วนมีรอยขูดขีดเสียหาย ได้รับวิสุงคามสีมา เมื่อวันที่ 13 เมษายน 2466 สิม หรือโบสถ์เก่าแก่หลังนี้ยังอนุรักษ์ไว้แต่ปัจจุบันได้สร้างโบสถ์หลังใหม่แบบสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ขึ้นมาอีกหนึ่งหลังและได้รับวิสุงคามสีมาเมื่อ พ.ศ.2540
การบริหารการปกครอง: มีเจ้าอาวาสจำพรรษาตั้งแต่ก่อสร้างวัดจนถึงปัจจุบันจำนวน 14 รูป ปัจจุบันมี พระอธิการมิตรชัย อจลธมฺโม เป็นเจ้าอาวาส
การศึกษา: เป็นศูนย์ฝึกอบรมคุณธรรม จริยธรรม สำหรับนักเรียนนักศึกษา เยาวชนเป็นศูนย์ปฏิบัติธรรมสำหรับประชาชนทั่วไป
ความสำคัญ: จิตรกรรมฝาผนังวัดสนวนวารีพัฒนาราม เป็นจิตรกรรมฝาผนังที่บอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับพุทธประวัติ ชาดกและนิทานพื้นบ้านที่มีคติสอนใจ เป็นเอกลักษณ์ของสถาปัตยกรรมแบบอีสานสอดแทรกคำสอนทางพระพุทธศาสนา และบอกเล่าเรื่องราววิถีชีวิตของคนอีสานผ่านวรรณกรรมพื้นบ้าน