วัดคลองชัย หมู่ที่ ๘ ตำบลดูนสาด อำเภอกระนวน จังหวัดขอนแก่น ได้จัดพิธีเบิกเนตรพระพุทธรูปองค์พระประธาน ที่ได้จัดสร้างขึ้น โดยมีความเชื่อว่าพระพุทธรูปที่สร้างเสร็จแล้วต้องทำพิธีเบิกเนตรให้องค์พระจึงจะสมบูรณ์ในการสร้างพระ และศักดิ์สิทธิ์ยิ่งขึ้น
ผู้เขียนได้ค้นจากเน็ตเพื่อหาความเชื่อของประชาชนว่าทำไมต้องมีการเบิกเนตรพระพุทธรูป ได้ดังนี้
ประเพณีการเบิกเนตรพระพุทธรูป มีพื้นฐานจากคติความเชื่อ ที่ต้องการแสดงความเคารพต่อพระพุทธรูปที่จัดสร้างเสร็จแล้วว่า เป็นพระพุทธรูปที่สมบูรณ์ควรแก่การสักการบูชา ห้ามกระทำใดๆ ที่ไม่สมควรต่อพระพุทธรูปนั้นอีก
ในกระบวนการก่อสร้างพระพุทธรูปนั้น อาจจำเป็นต้องมีการกระทำที่ไม่สมควรแก่พระรูป เช่น การปีนป่ายบนตัวพระพุทธรูป การตะแคงองค์พระ การขัดถู การตกแต่งส่วนที่เป็นพระเกศ พระพักตร์ เพื่อให้ได้พระพุทธรูปที่สวยงาม ซึ่งผู้สร้างอาจมีความรู้สึกผิด รู้สึกไม่สมควร
ด้วยเหตุดังกล่าว จึงมีประเพณีการเบิกเนตรขึ้น โดยอนุมานว่า ขณะยังไม่เบิกเนตร ก็คือรูปปั้นธรรมดา ที่จะตกแต่งได้ ไม่ถือว่าเป็นการไม่บังควร แต่พอทำสำเร็จแล้วผ่านการเบิกเนตรก็เสมือนหนึ่งพระพุทธองค์ที่สมบูรณ์ ไม่บังควรทำสิ่งที่ไม่สมควรแก่พระพุทธรูปอีกต่อไป นอกจากสักการบูชาเท่านั้น
พระราชสุธี (โสภณ โสภณจิโต ป.ธ.๙) รองเจ้าคณะภาค ๑๓ และเจ้าอาวาสวัดเทวราชกุญชร กทม. อธิบายว่า พิธีกรรมเบิกเนตรจะทำเฉพาะเทวรูป องค์เทพ พระพุทธรูป รวมทั้งรูปปั้นและรูปหล่อพระเกจิอาจารย์ ทั้งนี้นิยมประกอบพิธีสำหรับรูปหล่อที่มีขนาดตั้งแต่ ๑๖ นิ้วขึ้นไป (โสฬสมงคล) ส่วนพระที่มีขนาดเล็กกว่านี้ เมื่อนำเข้าพิธีพุทธาภิเษกก็นำไปบูชาได้เลย
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่า ไม่ได้ผ่านพิธีกรรมใดๆ เพียงแต่เป็นพระพุทธปฏิมากร ก็กราบไหว้บูชาได้เช่นกัน เพราะถือว่า เป็นองค์แทนพระพุทธเจ้า การประกอบพิธีเพื่อให้ผู้นำไปบูชาเชื่อมั่นในพุทธคุณมากขึ้นเท่านั้น
พิธีกรรมเบิกเนตร ถ้าเป็นองค์ใหญ่มากๆ ก็จะใช้ไม้พันด้วยสำลี แล้วไปแตะที่พระเนตร (ดวงตา) ทั้งซ้ายและขวา ระหว่างที่แตะนั้น พระผู้ประกอบพิธีจะบริกรรมคาถาที่ว่า "สหัสสะเนตโต เทวินโท ทิพพะจักขุง วิโสทายิ" หมายถึง "เทวินโท เป็นจอมแห่งเทวดาผู้มีพระเนตรมีนัยตา ๑,๐๐ ดวง หรือมองเห็นไปไกลได้เป็นพัน โยชน์ ชำระตาให้เกิดเป็นตาทิพย์ ให้หมดจดสว่างไสว"
"พระคาถาบทนี้มีประสิทธิภาพมากมายหลายสถาน ใช้เบิกเนตรพระพุทธรูปที่สร้างหรือหล่อใหม่ก็ได้ หรือรูปปั้นต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเทพ หรืออะไรก็ได้ทุกๆ อย่าง นอกจากนี้ยังมีคติความเชื่อด้วยว่า พระเกจิอาจารย์ได้นำพระคาถาบทนี้มาบริกรรมเสกน้ำมนต์พ่นน้ำหมาก ตาที่เจ็บที่แดงให้หายได้ชะงัดนักแล ทั้งนี้การพ่นนี้ไม่ได้พ่นเข้านัยน์ตา เพียงแต่พ่นผิวเผิน ผู้ถูกพ่นต้องหลับตา รวมทั้งฆราวาสที่เป็นหมอยาพื้นบ้านในชนบท ทั้งอดีตและปัจจุบัน หากหยิบได้ใช้เป็นก็บริกรรมพระคาถาบทใช้ได้เช่นกัน" พระราชสุธีกล่าว พร้อมกับบอกด้วยว่า
พระสงฆ์ที่ประกอบพิธีเบิกเนตร ไม่จำเป็นต้องนิมนต์นพระเกจิอาจารย์ หรือพระราชาคณะชั้นผู้ใหญ่มาประกอบพิธี พระสงฆ์ที่เป็นเจ้าอาวาสวัดทุกแห่ง สามารถประกอบพิธีได้เอง โดยทั่วๆ ไป จะนิยมนิมนต์พระสงฆ์ ๙ รูป หรือ ๑๖ รูป มาเจริญพระพุทธมนต์
ระหว่างเบิกเนตร พระสงฆ์จะเจริญชัยมงคลคาถา หรือจะสวดมนต์ในบทธัมมจักรในบทหนึ่งที่ว่า"จักขุง อุทปาทิ ญาณัง อุทปาทิ ปัญญา อุทปาทิ วิชชา อุทปาทิ อาโลโก"ซึ่งหมายถึง "เพื่อให้เกิดดวงตาเห็นธรรม ปัญญาเกิด วิชาเกิด ความรู้เกิด และความสว่างไหวเกิด" หรือที่เรียก "เกิดปัญญาหยั่งรู้ในสิ่งที่ควรรู้"