ประวัติความเป็นมาวัดสันติธรรมาราม (วัดตาลเดี่ยว)
วัดสันติธรรมาราม (วัดตาลเดี่ยว) ณ คลอง ๒๖ เลขที่ ๑๗ หมู่ที่ ๓ ตำบลวังน้อย อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
การที่ได้มีการจัดตั้งเป็นวัดเนื่องมาจาก โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า จะย้ายมาตั้งอยู่หลังตลาดอำเภอวังน้อย เมื่อคณะพวกทหารช่างมาเคลีย์และปรับปรุงพื้นที่ ได้มีความเห็นพ้องกันว่า เมื่อจะเป็นโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้าแล้ว น่าจะมีวัดอยู่ในบริเวณโรงเรียน เพื่อเป็นที่บำเพ็ญบุญกุศล สำหรับคณะนายทหารและข้าราชการของโรงเรียน อีกทั้งประชาชนทั่วไปที่นับถือศาสนาพุทธเป็นหลักปฏิบัติและเห็นว่าบริเวณโคกคลอง ๒๖ มีบึงน้ำล้อมรอบ เป็นทำเลที่เหมาะสมในการตั้งวัด เจ้าของที่ดิน คือ คุณเสวก และหม่อมหลวงหญิงทินกร ท่านทั้งสองมีความยินดีอุทิศที่ดินซึ่งมีประมาณ ๑๕ ไร่เศษ ให้เป็นสถานที่ตั้งวัด คณะนายทหารและประชาชนก็พากันสร้างเป็นสำนักสงฆ์ขึ้นก่อน เรียกว่า“สำนักสงฆ์วัดตาลเดี่ยว”เรียกชื่อตามที่มีต้นตาลต้นเดียวขึ้นอยู่ ณ ที่นั้น และต้นตาลเดียวจึงกลายเป็นสัญญลักษณ์คู่กับวัดมาจนถึงทุกวันนี้ ซึ่งต้นตาลเดียวนี้มีอายุนับสองร้อยกว่าปีแล้ว จึงมีการสันนิษฐานว่า และเล่าต่อกันมาทางประวัติศาสตร์ว่า เมื่อสมเด็จพระเจ้าตากสินกับเจ้าพระยามหากษัตริย์ จะไปตีเมืองจันทบุรี
ก่อนที่พระองค์จะกอบกู้เอกราชได้ พระองค์ได้เมล็ดตาลมา ๒ เมล็ด และได้มีการเสี่ยงทายตั้งสัตยาอธิษฐานว่า ถ้าจะมีการกู้ชาติได้สำเร็จเป็นเอกราชได้ภายหน้า ขอให้ต้นตาลเจริญงอกงาม และพระองค์ก็ทิ้งสิ่งของต่างๆทั้งสิ่งของมีค่า เช่น พระพุทธรูปสมัยเชียงแสน (ภายหลังที่หลวงพ่อท่านได้งมขึ้นมาจากบึง) ลงในบึง ซึ่งปรากฎต่อมาภายหลัง พระองค์ก็สามารถกอบกู้เอกราชสำเร็จ ส่วนเมล็ดตาล ๒ เมล็ดที่เจริญงอกงาม ต่อมาก็เหลืออยู่ต้นเดียวจนมาถึงปัจจุบันนี้
ส่วนสำนักสงฆ์ที่ได้สร้างขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อเดือน มีนาคม พ.ศ. ๒๕๒๓ โดยมีนายทหารที่เกษียณอายุจากโรงเรียนนายร้อย มาบวชรักษาการณ์เป็นเจ้าอาวาสอยู่เป็นองค์แรก ต่อมาโรงเรียนนายร้อย เดิมที่สร้างหลังตลาดวังน้อย ก็มีเหตุไม่ได้สร้าง แต่ย้ายไปสร้างที่เขาชะโงก จังหวัดนครนายกแทน
ต่อมาปี พ.ศ. ๒๕๒๔ ท่านเจ้าอาวาสที่มารักษาการณ์แทนได้ย้ายไปอยู่ที่วัดอื่น ทำให้สำนักสงฆ์วัดตาลเดียวไม่มีเจ้าอาวาสปกครอง ชาวบ้านในละแวกนั้นคือ คุณโยมเปลื้อง จำรัสสี ซึ่งเป็นโยมอุปการะวัดตาลเดียว พร้อมประชาชน ได้พากันไปวัดสระเกศ ไปขอจากสมเด็จพระพุทธาจารย์ (สมเด็จเกียว) วัดสระเกศ เพื่อขอให้พระครูสังฆภารพิศิษฐ์มาเป็นเจ้าอาวาส ตอนแรกพระครูสังฆภารพิศิษฐ์ ได้ปฏิเสธที่จะรับเป็นเจ้าอาวาสวัด แต่เมื่อสมเด็จพระพุทธาจารย์ (สมเด็จเกียว) ปรารภกับพระครูสังฆภารพิศิษฐ์ ว่าหากท่านมาอยู่วัดนี้ท่านมีความสามารถที่จะสร้างสำนักสงฆ์ให้เป็นวัดได้แน่ เพราะท่านเป็นชาวอยุธยาและเป็นผู้มีความสามารถและรอบรู้ จะเป็นที่พึงที่ยึดเหนียวให้ประชาชนชาวอยุธยาได้
ท่านพระครูสังฆภารพิศิษฐ์ ได้นำความคิดนั้นไปคิดตรึกตรองดู และด้วยเหตุที่เกิดนิมิตต่างๆกับท่าน จึงตัดสินใจรับตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดตาลเดียวเมื่อต้นปี พ.ศ. ๒๕๒๕ นับแต่นั้นมา ท่านได้พัฒนาวัดให้มีความเจริญรุ่งเรือง สร้างกุฏิสงฆ์ สร้างศาลาการเปรียญ หอสวดมนต์ และสร้างอุโบสถ์ในปี พ.ศ. ๒๕๒๖ และขออนุญาตกรมการศาสนาให้เป็นวัดตามกฎเถรสมาคมชื่อว่า “วัดสันติธรรมาราม”
ในปี พ.ศ. ๒๕๓๙ อุโบสถหลังใหม่ได้สร้างเสร็จและมีการผูกพัทธสีมาในปีนั้น และได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเทื่อ ๑๗ เมษายน พ.ศ. ๒๕๓๙ ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ ๑๑๒ ลงวันที่ ๒๕ เมษายน พ.ศ. ๒๕๓๙
ประโยชน์ที่ประชาชนได้จากวัด คือ ใช้เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรม จัดกิจกรรมในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา จัดงานวัฒนธรรมประเพณีต่างๆ เพื่อเป็นการอนุรักษ์ สืบสาน ถ่ายทอดสู่ประชาชน เยาวชนต่อไป