ประเพณีแข่งเรือยาวชิงถ้วยพระราชทานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี เป็นประเพณีที่สืบทอดกันมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2480 จนถึงปัจจุบัน กล่าวคือ ในระยะเริ่มแรกของการแข่งขันจะเป็นประเพณีเทศกาลของชาวบ้านทั่วไปซึ่งหลังจากเสร็จภารกิจจากฤดูการทำนา ชาวบ้านที่อาศัย 2 ฝั่งแม่น้ำมูลจะนำเรือซึ่งเป็นพาหนะสัญจรและเป็นพาหนะในการหาปลามาทำการแข่งขันเพื่อสร้างความรัก ความสามัคคี ความผูกพันกับสายน้ำแห่งชีวิตของตนเอง
การแข่งขันเรือยาวในยุคแรก เริ่มมีการแข่งขันมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2480 –2519 ร่วม 30 ปี เป็นการแข่งขันเทศกาลรื่นเริงหลังจากฤดูกาลทำนาได้ผ่านพ้นไปเนื่องจากมีน้ำ มูลไหลผ่านชาวบ้านจึงนำเรือที่สัญจรไปมาเข้าทำการแข่งขัน และมีการพัฒนาขุดเรือแข่งมีความยาวขึ้น ฝีพายนั่งได้มากขึ้น มีเรือจากหมู่บ้านใกล้เคียงสมทบเข้าแข่งขันมากขึ้นทุกปี
ยุค “โลหะ” ประมาณปี พ.ศ. 2520 นายอำเภอสุชาติ รัมมะรัตน์ เห็นว่าในแต่ละปีมีเรือที่เข้าทำการแข่งขันน้อยมาก จึงเสนอให้ชาวบ้านต่อเรือเข็มขนาดฝีพาย 8-15 คน ลองเข้าทำการแข่งขัน และได้ต่อเรือโลหะฝีพายไม่เกิน 30 คน ทำการแข่งขันเรื่อยมา ในปี พ.ศ. 2529 คณะกรรมการดำเนินการแข่งขันได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี พระราชทานถ้วยรางวัลแก่ทีมเรือที่ชนะเลิศ นอกจากประเพณีแข่งขันชิงถ้วยพระราชทานฯ ดังกล่าวแล้ว คณะกรรมการได้มีมติเห็นชอบร่วมกันให้จัดกิจกรรมเพิ่ม คือมีการแข่งขันช้างว่ายน้ำ และประกวดกองเชียร์ทีมเรือต่างๆซึ่งสืบทอดประเพณีการแข่งขันและการจัดกิจกรรมดังกล่าวมาจนถึงปัจจุบัน
ยุคปัจจุบัน ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2531 คณะกรรมการจัดการแข่งขันได้เชิญเรือไม้ขนาดกลาง ไม่เกิน 40 ฝีพาย ขนาดใหญ่ไม่เกิน 55 ฝีพาย จากอำเภอและจังหวัดใกล้เคียงเข้าร่วมแข่งขัน ทาง คณะอำนวยการจัดการแข่งขันได้ทำหนังสือถึงสำนักพระราชวังกราบบังคมทูลขอถ้วย พระราชทานเรือไม้ขนาดใหญ่จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชและ ได้ดำเนินการจัดการแข่งขันเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน