เมื่อราวปี พ.ศ.2454 ชาวอินเดียที่นับถือศาสนาซิกข์ได้อพยพมาตั้งถิ่นฐานในกรุงเทพมหานคร เป็นจำนวนมาก ซึ่งในขณะนั้น ยังมิได้มีศาสนสถานเพื่อประกอบกิจกรรมทางศาสนา ดังนั้นชาวซิกข์ทั้งหลายจึงได้ผลัดเปลี่ยนกันใช้บ้านของพวกเขาเอง เป็นสถานที่ในการประกอบกิจกรรมทางศาสนาต่างๆ เช่น กิจกรรมการเจริญธรรมเป็นประจำทุกวันอาทิตย์ วันสังกราน และในวันคุรปูรับต่างๆ
ต่อมาปี พ.ศ.2475 ชาวซิกข์ได้รวบรวมเงินเพื่อซื้อที่ดินผืนหนึ่งเป็นกรรมสิทธิ์ในการสร้างศาสนสถาน โดยใช้เวลาก่อสร้างนาน 5 เดือน สำเร็จในปี พ.ศ. 2476ใช้ชื่อว่า"ศาสนสถานสมาคมศรีคุรุสิงห์สภา"เป็นศูนย์รวมของซิกข์ศาสนิกชน และชาวไทยที่นับถือศาสนซิกข์ในประเทศไทย
เวลาผ่านไป 46 ปี สมาคมศรีคุรุสิงห์สภา และความร่วมมือร่วมใจของชาวไทยซิกข์ ได้ก่อสร้างคุรุดวาราเป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็กสูง 5 ชั้น และชั้นลอย รวมเป็น 6 ชั้น บนที่ดินเดิม โดยชั้นที่ 4 จะเป็นที่ชาวซิกข์นั่งฟังพระธรรม โดยมีแท่นประทับเพื่อใช้ในการอัญเชิญพระมหาคัมภีร์คุรุครันธ์ซาฮิบยิ โดยจะมีศาสนจารย์นั่งอยู่ทางด้านหลังของ พระมหาคัมภีร์ เพื่อสวดมนต์ภาวนาเจริญธรรม และอ่านหลักธรรมคำสอนในพระคัมภีร์ และท่านจะคอยทำความเคารพ พระมหาคัมภีร์ด้วยการโบกพู่ที่ทำขึ้นจากหางม้าไปมาและในเวลาเช้าตรู่ประมาณ4.30 น. ของทุกวัน ศาสนจารย์จะอัญเชิญ นำพระมหาคัมภีร์ศรีคุรุครันธ์ซาฮิบ เสด็จมาประทับบนแท่นบัลลังก์ แล้วศาสนจารย์จะทำการ "ปัรกาส" อัญเชิญเปิดอ่านเป็นครั้งแรกทุกเช้า จากนั้นก็จะคลุมไว้ด้วยผ้าคลุมถึงพระอาศน์ ในเวลาค่ำประมาณ 18.30 น. อีกด้วย