ความเป็นมา
เริ่มต้นจากสมัยกรุงศรีอยุธยา ได้มีการเจริญสัมพันธไมตรีกับชาวต่างชาติ อย่างกลุ่มทวีปทางตะวันออกและตะวันตก ทำให้ประเทศไทยได้รับวัฒนธรรมในด้านต่างๆ เข้ามา สิ่งหนึ่งที่ได้รับมานั่นคือ ขนมและของหวาน ซึ่งส่วนมากขนมต่างๆมากมาย รวมทั้ง "ทองม้วน" ต่างมีต้นกำเนิดจากการรับเอาวัฒนธรรมของประเทศ โปรตุเกส มาดัดแปลง เพิ่มเติม เพื่อให้เหมาะสมกับ วัฒนธรรม การดำเนินชีวิต ความเป็นอยู่ วัตถุดิบ ข้าวของเครื่องใช้ เอกลักษณ์ รสนิยม และอุปนิสัยในการบริโภคอาหารของประเทศไทย
ครั้งในรัชสมัยของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช มีบาทหลวงชาวฝรั่งเศส ชื่อ "เดอโลลีเยร์" ได้ทำบันทึกรายงานถึงระดับความมีหน้ามีตา และรสนิยมการบริโภคขนมหวานของชาวโปรตุเกสในสมัยกรุงศรีอยุธยา จนกระทั่งราชสำนักสยามถึงกับต้องเกณฑ์ขนมหวานจาก หมู่บ้านโปรตุเกส เข้าไปในพระราชวัง เนื่องในโอกาสฉลองวันนักขัตฤกษ์ต่างๆ เป็นจำนวนมาก ดังความตอนหนึ่งว่า
"พวกเข้ารีตบางครัว ต้องถูกเกณฑ์ให้ทำของหวานแก่พระเจ้าแผ่นดิน ในวันนักขัตฤกษ์ ในวันชนิดนี้พระเจ้ากรุงสยามก็มีรับสั่งให้พวกเข้ารีตนี้ ทำของหวานเป็นอันมาก อ้างว่าสำหรับงานนี้งานนั้น เป็นต้นว่า สำหรับพิธีล้างศีรษะช้าง ซึ่งถือว่าเป็นพระองค์หนึ่ง หรือสำนักงานไหว้พระพุทธบาทดังนี้"
อาจด้วยเป็นพระราชประสงค์ที่มีรับสั่งตรงมาจากราชสำนักสยาม ทำให้ มาดามดอนญา มาเรีย กิอูมาร์ เดอ ปินา ภรรยาเจ้าพระยาวิชเยนทร์ฟอลคอน ซึ่งรับหน้าที่แม่บ้านหัวเรือใหญ่จัดอาหารเลี้ยงรับรองราชอาคันตุกะต่าง ประเทศที่เข้ามายังกรุงศรีอยุธยามากมาย จึงได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น ท้าวทองกีบม้า (เพียนมาจากชื่อ "กิอูมาร์") ดำรงค์ตำแหน่งวิเศสกลาง ถือศักดินา 400 เป็นผู้กำกับการพนักงานของหวานในพระราชวัง
อเล็กซานเดอร์ แฮมิลตัน ชาวตะวันตกอีกผู้หนึ่งที่บันทึกการเดินทางเกี่ยวกับเรื่องของ ท้าวทองกีบม้าว่า
"ข้าพเจ้าได้เห็นท่านผู้หญิงของฟอลคอนในปี พ.ศ.2262 เวลานี้ท่านได้รับเกียรติเป็นต้นห้องเครื่องหวานของพระเจ้าแผ่นดิน ท่านเกิดในกรุงสยามในตระกุลอันมีเกียรติ และในเวลานั้นท่านเป็นที่ยกย่องนับถือแก่คนทั่วไป"
ช่วงชีวิตหนึ่งของ "ท้าวทองกีบม้า" ได้เข้าไปรับราชการในพระราชวังในตำแหน่ง "หัวหน้าห้องเครื่องต้น" เป็นผู้ดูแลเครื่องเงินเครื่องทองของหลวง เป็นหัวหน้าเก็บพระภูษาฉลองพระองค์ และเก็บผลไม้ของเสวย มีพนักงานอยู่ใต้บังคับบัญชาเป็นหญิงล้วน จำนวน 2,000 คน ซึ่งเธอก็ทำงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริตตลอดมา จนเป็นที่ชื่นชม ยกย่อง มีเงินคืนทองพระคลังปีละมากๆ ระหว่างที่รับราชการนี่เอง "ท้าวทองกีบม้า" ได้สอนการทำขนมหวานจำพวก ทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง ทองพลุ ทองโปร่งทองม้วนขนมฝรั่ง ขนมไข่เต่า ขนมสัมปันนี ขนมหม้อแกง ขนมผิงและอื่นๆ ให้กับผู้ที่ทำงานอยู่กับเธอ และบุคคลเหล่านั้น จึงได้นำวิชาความรู้ในการทำขนมต่างๆมาถ่ายทอดให้กับคนไทยรุ่นสู่รุ่น นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาจนถึงปัจจุบันนี้
วิธีทำ
1. นำแป้งสาลีร่อนใส่ภาชนะไว้
2. นำมะพร้าวขูดมาคั้นกับน้ำ 7ขีด
3. นำแป้งสาลีที่ร่อนแล้วและน้ำตาลทรายผสมกันในอ่างผสม ใส่ไข่ไก่และเกลือ คนให้เข้ากัน จากนั้นใส่น้ำกะทิและงาดำ คนให้เข้ากัน
4. นำพิมพ์ทองม้วนมาอังไฟ ใช้ไฟอ่อน อังจนพิมพ์ร้อนจัด ทาน้ำมันพืชให้ทั่วพิมพ์ทั้งสองด้าน อังไฟให้ร้อนอีกครั้ง ตักแป้งหยอดบนพิมพ์ บีบพิมพ์ให้แน่น อังไฟสักครู่ พลิกกลับอีกด้าน พอเหลือง (สังเกตจากแป้งที่เกาะอยู่นอกพิมพ์) ยกพิมพ์ออกจากเตา
5. เปิดพิมพ์ใช้ปลายมีดแซะขนมขึ้น ม้วนด้วยไม้กลม ๆ ทันทีขณะที่ยังร้อนอยู่ เพราะถ้าเย็นจะแข็งกรอบม้วนไม่ได้ จากนั้นปล่อยให้ทองม้วนเย็น แล้วบรรจุใส่ถุงพลาสติก รัดยางให้แน่น
ตลาด/แหล่งจำหน่าย: ตลาด แหล่งชุมชน ขายส่งหรือฝากขายร้านค้าทั่วไป มินิมาร์ท
ข้อแนะนำ:
1. ก่อนจะตักแป้งใส่พิมพ์ ต้องรอให้พิมพ์ร้อนก่อนทุกครั้ง และต้องคนแป้งทุกครั้ง เพราะแป้งที่ผสมไว้จะนอนก้น
2. หากต้องการให้แผ่นแป้งทองม้วนบาง สามารถเติมน้ำผสมเพิ่มลงไปได้
3. นอกจากม้วนทองม้วนด้วยไม้แล้ว สามารถดัดแปลงเป็นรูปกรวย พับเป็นรูปสี่เหลี่ยม หรือลักษณะอื่นๆ ได้ตามต้องการ
ส่วนผสม:
- แป้งสาลีตราว่าว 1 กิโลกรัม
- มะพร้าวขูด 2 กิโลกรัม
- ไข่ไก่ 10 ฟอง
- งาดำ ½ ถ้วยตวง
- น้ำตาลทราย 9 ขีด
- เกลือป่น 1 ช้อนชา
- น้ำสะอาด 7 ขีด
- น้ำมันพืช 1 ถ้วยตวง
ขนมทองม้วนคือ ขนมไทยชนิดหนึ่งที่ประกอบด้วยส่วนผสมหลักคือ แป้ง ผสมกับ กะทิ และไข่ ส่วนผสมเพิ่มเติมอาจจะใส่งาดำ ผักชี พริกไทย น้ำปูนใส หรือเครื่องปรุงอื่นๆแล้วแต่จะดัดแปลง แล้วนำส่วนผสมทั้งหมดเทราดลงในแป้นพิมพ์ฺ ซึ่งมักมีลักษณะกลม ราดลงไปให้เป็นแผ่นบางๆ ผิงไฟให้สุก แล้วม้วนเป็นหลอด บางสูตรอาจนำมาพับ