การเทศน์มหาชาติ คือการแสดงเรื่องเวสสันดรชาดกอันเป็นพระพุทธวจนะ เป็นเรื่องที่พระพุทธองค์ทรงเล่าหรือเป็นเรื่องที่ออกจากพระโอษฐ์ของพระพุทธเจ้าที่ทรงเล่าถึงอัตตประวัติหรือชีวประวัติที่ทรงบำเพ็ญพระบารมีธรรมเพื่อความสำเร็จพระอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณเป็นพระพุทธเจ้า ซึ่งเป็นพระชาติสุดท้ายที่พระองค์เสวยพระชาติเป็นพระเวสสันดรซึ่่งได้ทรงบำเพ็ญพระบารมีธรรมยิ่งด้วยทานบารมี โดยเรื่องมหาชาติหรือเรื่องเวสสันดรชาดก ของเดิมแต่งไว้เป็นคาถาภาษาบาลีล้วน
มีจำนวน ๑,๐๐๐ คาถา (สมัยก่อนคงนิยมเทศน์กันเฉพาะที่เป็นคาถาภาษาบาลีล้วน ๆ อย่างที่เรียกกันว่า "เทศน์คาถาพัน" และไม่ได้เทศน์เป็นทำนอง) ภายหลังมีพระอรรถกถาจารย์แต่งอรรถกถาภาษาบาลี อธิบายความเป็นร้อยแก้วเพิ่มเติมไว้ในตอนต้นและตอนสุดท้ายของชาดก และก็ได้แต่งคำอธิบายในเรื่องกลับชาติของเวสสันดรชาดกออกเป็นภาษาไทย ในทำนองร้อยกรองให้ไพเราะตามหลักกวีนิพนธ์ จึงมีมหาชาติในภาคภาษาไทยเป็นสำนวนต่างๆ หลายสำนวน แบ่งเป็นตอนๆ เรียกว่ากัณฑ์ มีทั้งหมดรวม ๑๓ กัณฑ์
ประเพณีการเทศน์มหาชาติมีมาแต่โบราณ มีทั้งเป็นพระราชพิธีของหลวงและพิธีของราษฎรพุทธศาสนิกชนทั่วไป สำหรับประเพณีการเทศน์มหาชาติของวัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชมหาวิหาร (วัดโพธิ์) จัดขึ้นปีละ ๒ ครั้ง โดยครั้งแรกจะจัดขึ้นประมาณเดือนตุลาคมเป็นประจำทุกปี (ก่อนออกพรรษา ๑ รอบของวันพระ) ครั้งที่ ๒ จัดขึ้นในวันที่ ๙ - ๑๑ ธันวาคมของทุกปี (งานวันกรมพระปรมานุชิตชิโนรส ทรงเป็นพระราชวงศ์พระองค์แรกที่ทรงได้รับสถาปนาให้ดำรงตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราช ทรงประทับ ณ วัดพระเชตุพนฯ ) ณ พระระเบียงพระอุโบสถวัดพระเชตุพนฯ ซึ่งการเทศน์มหาชาติทั้ง ๒ ครั้งนี้เป็นมหาชาติเรียงกัณฑ์ คือเทศน์ไปตามลำดับเนื้อความแต่ละกัณฑ์ พระที่แสดงขึ้นธรรมาสน์แสดงคราวละ ๑ รูป เนื้อความจะไม่ถูกตัดลัดจนเกินไป ที่สำคัญคือเป็นการเทศน์ ทำนองหลวง ซึ่งถือเป็นมรดกทางวัฒนธรรมของไทยที่เรียกว่า เพชรน้ำเอก โดยพระอาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิ