เสมาหินทรายบ้านบุ่งผักก้าม อำเภอวังสะพุง จังหวัดเลยตั้งอยู่ที่วัดพัทธสีมาราม บ้านบุ่งผักก้าม ตำบลวังสะพุง อำเภอวังสะพุง จังหวัดเลย เสมาหินบ้านบุ่งผักก้ามถูกค้นพบที่วัดพัทธสีมาราม บ้านบุ่งผักก้าม ตำบลวังสะพุง จังหวัดเลย เป็นเสมาหินที่มีการกำหนดอายุโดยวิธีทางโบราณคดี โดยใช้วิธีเปรียบเทียบทางประวัติศาสตร์ และศิลปะโดยศึกษาจากศิลปะโบราณวัตถุ สถานที่ที่มีลักษณะรูปแบบลวดลายใกล้เคียงกันและเปรียบเทียบกับศิลปะโบราณ วัตถุจากประเทศใกล้เคียงและคัมภีร์ที่ให้อิทธิพลการกำหนดรูปแบบสลักบนใบเสมา จึงกำหนดอายุได้ว่า สร้างขึ้นในพุทธศตวรรษที่ ๑๓-๑๖ มีอายุไม่ต่ำกว่า ๙๐๐ - ๑,๒๐๐ ปี เป็นแบบศิลปะทวาราวดี
ใบเสมาหินทวาราวดี ศรีวังสะพุง แบบที่ ๑ สร้างขึ้น ราวพุทธศตวรรษที่ ๑๔ – ๑๕ มีอายุประมาณ ๒,๕๓๕ – ๒,๕๔๕ ปีพบ ณ บริเวณวัดพัทธสีมาราม(เดิมเป็นไร่พริก) คุ้มเสมา บ้านบุ่งผักก้าม ตำบลวังสะพุง อำเภอวังสะพุง จังหวัดเลย สร้างขึ้นในความเชื่อที่ว่า “เสมาหินนี้ ใช้เป็นหลักเขตล้อมรอบพุทธสถาน ที่ใช้ทำ ศาสนพิธีอันศักดิ์สิทธิ์ ที่กำหนดไว้ทั้งสี่ทิศ คือ ทิศเหนือ ทิศใต้ ทิศตะวันออก และทิศตะวันตก ของเมืองวังสะพุง ซึ่งสันนิษฐานว่าเคยเป็นชุมชน/เมืองที่เจริญรุ่งเรืองด้านการเมือง การปกครอง การค้าพาณิชย์ และมีความอุดมสมบูรณ์ ก่อนเข้าและออกจากเมืองทิศใด ต้องแวะพักแรมทำพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์ก่อนทุกครั้ง จึงจะทำมาค้าขึ้น เจริญก้าวหน้า มีโชคลาภ และเดินทางโดยสวัสดิภาพ นายสมมาตร รักยม กล่าวว่า ลวดลายที่สลักไว้บนใบเสมาหิน ภาพรวมเป็นสามเหลี่ยมมุมแหลมเรียวยาว คล้ายหน่อไม้ไผ่ หมายถึงความเจริญรุ่งเรือง ประกอบด้วยฐานกลมรองรับ ๓ ชั้น องค์สถูปมีรูปทรงคล้ายหม้อดิน มีลายประดับก้นหม้อตรงกลางเป็นลายบัว ขนาบด้วยกนกสามตัว หมายถึง ความอุดมสมบูรณ์ อยู่ดีกินดี บนปากหม้อเป็นลายคล้ายพุ่มข้าวบิณฑ์/หน้าขบ/กระจังใบเทศ เป็นลักษณะลายผักกูด ต่อกันขึ้นไปอย่างนี้ ๓ ช่วง คือ ช่วงที่ ๑ เป็นฐาน : ลายเส้นลวดกลม และลูกแก้ว ช่วงที่ ๒ เป็นองค์สถูป : รูปทรงหม้อดินประดับเส้นลวด ลายบัว และกนกสามตัว คล้ายประจำยามก้ามปู ช่วงที่ ๓ เป็นปลียอด : ประดับลายพุ่มใบเทศ และรูปทรงหม้อดินสามขนาดประดับเส้นลวด ลายบัว และกนกสามตัว นายพงษธร มั่งมี กล่าวว่าคล้ายประจำยามก้ามปู ปลายแหลม ข้อสังเกต รูปทรงภาพรวมทุกแบบ คล้ายหน่อไม้ไผ่ และบางส่วนมีรูปทรงคล้ายหม้อดิน อาจหมายถึงความเจริญรุ่งเรืองและอุดมสมบูรณ์ ใบเสมาหินทวาราวดี ศรีวังสะพุง แบบที่ ๒ สร้างขึ้น ราวพุทธศตวรรษที่ ๑๔ – ๑๕ มีอายุประมาณ ๒,๕๓๕ – ๒,๕๔๕ ปี พบ ณ บริเวณวัดพัทธสีมาราม(เดิมเป็นไร่พริก) คุ้มเสมา บ้านบุ่งผักก้าม ตำบลวังสะพุง อำเภอวังสะพุง จังหวัดเลย นางกรกนก ทิพวรรณ กล่าวว่าสร้างขึ้นในความเชื่อที่ว่า “เสมาหินนี้ ใช้เป็นหลักเขตล้อมรอบพุทธสถาน ที่ใช้ทำ ศาสนพิธีอันศักดิ์สิทธิ์ ที่กำหนดไว้ทั้งสี่ทิศ คือ ทิศเหนือ ทิศใต้ ทิศตะวันออก และทิศตะวันตก ของเมืองวังสะพุง ซึ่งสันนิษฐานว่าเคยเป็นชุมชน/เมืองที่เจริญรุ่งเรือง ด้านการเมือง การปกครอง การค้าพาณิชย์ และมีความอุดมสมบูรณ์ ก่อนเข้าและออกจากเมืองทิศใด ต้องแวะพักแรมทำพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์ก่อนทุกครั้ง จึงจะทำมาค้าขึ้น เจริญก้าวหน้า มีโชคลาภ และเดินทางโดยสวัสดิภาพ”ลวดลายที่สลักไว้บนใบเสมาหิน ภาพรวมเป็นสามเหลี่ยมมุมแหลมเรียวยาว คล้ายหน่อไม้ไผ่ หมายถึงความเจริญรุ่งเรือง ประกอบด้วยฐานกลม ๓ ชั้น ตั้งอยู่บนฐานลายประจำยามก้ามปู องค์สถูปรูปทรงหม้อดินตั้งอยู่บนฐานเส้นลวดกลม ๓ ชั้น อาจหมายถึง ความอุดมสมบูรณ์ อยู่ดีกินดี บนปากหม้อดินเป็นลายใบเทศคล้ายพุ่มข้าวบิณฑ์/หน้าขบ/กระจังใบเทศเป็นลักษณะลายผักกูด ต่อกันขึ้นไปอย่างนี้ ๓ ช่วง คือช่วงที่ ๑ เป็นฐาน : ลายเส้นลวดกลม ลูกแก้ว และประจำยามก้ามปู ช่วงที่ ๒ เป็นองค์สถูป : รูปทรงหม้อดิน ช่วงที่ ๓ เป็นปลียอด : ประดับลายพุ่มใบเทศ และรูปทรงหม้อดินสองขนาด ประดับเส้นลวด ลายบัว และกนกสามตัว คล้ายประจำ ยามก้ามปู ปลายแหลมประดับบัวกลุ่ม ข้อสังเกต รูปทรงภาพรวมทุกแบบ คล้ายหน่อไม้ไผ่ และบางส่วนมีรูปทรงคล้ายหม้อดิน อาจหมายถึงความเจริญรุ่งเรืองและอุดมสมบูรณ์ ใบเสมาหินทวาราวดี ศรีวังสะพุง แบบที่ ๓ – ๔ สร้างขึ้น ราวพุทธศตวรรษที่ ๑๔ – ๑๕ มีอายุประมาณ ๒,๕๓๕ – ๒,๕๔๕ ปีพบ ณ บริเวณวัดพัทธสีมาราม(เดิมเป็นไร่พริก) คุ้มเสมา บ้านบุ่งผักก้าม ตำบลวังสะพุง อำเภอวังสะพุง จังหวัดเลยสร้างขึ้นในความเชื่อที่ว่า “เสมาหินนี้ ใช้เป็นหลักเขตล้อมรอบพุทธสถาน ที่ใช้ทำศาสนพิธีอันศักดิ์สิทธิ์ ที่กำหนดไว้ทั้งสี่ทิศ คือ ทิศเหนือ ทิศใต้ ทิศตะวันออก และทิศตะวันตก ของเมืองวังสะพุง ซึ่งสันนิษฐานว่าเคยเป็นชุมชน/เมืองที่เจริญรุ่งเรืองด้านการเมือง การปกครอง การค้าพาณิชย์ และมีความอุดมสมบูรณ์ ก่อนเข้าและออกจากเมืองทิศใด ต้องแวะพักแรมทำพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์ก่อนทุกครั้ง จึงจะทำมาค้าขึ้น เจริญก้าวหน้า มีโชคลาภ และเดินทางโดยสวัสดิภาพ”ลวดลายที่สลักไว้บนใบเสมาหิน ภาพรวมเป็นสามเหลี่ยมมุมแหลมเรียวยาว คล้ายหน่อไม้ หมายถึงความเจริญรุ่งเรือง ประกอบด้วยฐานกลม ๓ ชั้น องค์สถูปมีรูปทรงคล้ายหม้อดิน หมายถึง ความอุดมสมบูรณ์ อยู่ดีกินดี บนปากหม้อเป็นลายคล้ายพุ่มข้าวบิณฑ์/หน้าขบ/กระจังใบเทศ เป็นลักษณะลายผักกูด ต่อกันขึ้นไปอย่างนี้ ๓ ช่วง คือช่วงที่ ๑ เป็นฐาน : ลายเส้นลวด ลูกแก้ว บัวหงาย และ/หรือใบเทศ ช่วงที่ ๒ เป็นองค์สถูป : รูปทรงหม้อดินประดับเส้นลวดและลายบัวช่วงที่ ๓ เป็นปลียอด : กลม ปลายแหลม หรือรูปทรงหม้อดิน ประดับเส้นลวดและลายบัว ปลายแหลมข้อสังเกต รูปทรงภาพรวมทุกแบบ คล้ายหน่อไม้ไผ่ และบางส่วนมีรูปทรงคล้ายหม้อดิน อาจหมายถึงความเจริญรุ่งเรืองและอุดมสมบูรณ์ ใบเสมาหินทวาราวดี ศรีวังสะพุง แบบที่ ๕สร้างขึ้น ราวพุทธศตวรรษที่ ๑๔ – ๑๕ มีอายุประมาณ ๒,๕๓๕ – ๒,๕๔๕ ปีพบ ณ บริเวณวัดพัทธสีมาราม(เดิมเป็นไร่พริก)คุ้มเสมา บ้านบุ่งผักก้าม ตำบลวังสะพุง อำเภอวังสะพุง จังหวัดเลยสร้างขึ้นในความเชื่อที่ว่า นายชาติชาย หวังเชื้อ กล่าวว่า “เสมาหินนี้ ใช้เป็นหลักเขตล้อมรอบพุทธสถาน ที่ใช้ทำศาสนพิธีอันศักดิ์สิทธิ์ ที่กำหนดไว้ทั้งสี่ทิศ คือ ทิศเหนือ ทิศใต้ ทิศตะวันออก และทิศตะวันตก ของเมืองวังสะพุง ซึ่งสันนิษฐานว่าเคยเป็นชุมชน/เมืองที่เจริญรุ่งเรืองด้านการเมือง การปกครอง การค้าพาณิชย์ และมีความอุดมสมบูรณ์ ก่อนเข้าและออกจากเมืองทิศใด ต้องแวะพักแรมทำพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์ก่อนทุกครั้ง จึงจะทำมาค้าขึ้น เจริญก้าวหน้า มีโชคลาภ และเดินทางโดยสวัสดิภาพ”ลวดลายที่สลักไว้บนใบเสมาหิน ภาพรวมเป็นสามเหลี่ยมมุมแหลมเรียวยาว คล้ายหน่อไม้ หมายถึงความเจริญรุ่งเรือง นางปรารถนา คำดอย กล่าวว่า ประกอบด้วยฐานกลม ๓ ชั้น องค์สถูปคล้ายประจำยาม/หน้าสิงห์/กระจังใบเทศ เป็นลักษณะลายผักกูด ต่อกันขึ้นไปเก้าชั้น แบ่งเป็น ๓ ช่วง คือ ช่วงที่ ๑ เป็นฐาน : มีรูปครึ่งงวงกลม ประคีบเส้นลวดกลมโค้ง และลายเครือเถาผักกูด ช่วงที่ ๒ เป็นองค์สถูป : คล้ายประจำยาม/หน้าสิงห์/กระจังใบเทศ เป็นลักษณะลายผักกูด ต่อกันขึ้นไปแปดชั้น คล้ายเครือเถาใบเทศตรง ช่วงที่ ๓ เป็นปลียอด : ชั้นที่เก้าปลายแหลมทรงบัวตูม ข้อสังเกต รูปทรงภาพรวมทุกแบบ คล้ายหน่อไม้ไผ่ และบางส่วนมีรูปทรงคล้ายหม้อดิน อาจหมายถึงความเจริญรุ่งเรืองและอุดมสมบูรณ์ แต่แบบนี้ไม่มีรูปทรงหม้อดินรวมอยู่เลย ใบเสมาหินทวาราวดี ศรีวังสะพุง แบบที่ ๖ - ๗สร้างขึ้น ราวพุทธศตวรรษที่ ๑๔ – ๑๕ มีอายุประมาณ ๒,๕๓๕ – ๒,๕๔๕ ปีพบ ณ บริเวณวัดพัทธสีมาราม(เดิมเป็นไร่พริก)คุ้มเสมา บ้านบุ่งผักก้าม ตำบลวังสะพุง อำเภอวังสะพุง จังหวัดเลยสร้างขึ้นในความเชื่อที่ว่า “เสมาหินนี้ ใช้เป็นหลักเขตล้อมรอบพุทธสถาน ที่ใช้ทำศาสนพิธีอันศักดิ์สิทธิ์ ที่กำหนดไว้ทั้งสี่ทิศ คือ ทิศเหนือ ทิศใต้ ทิศตะวันออก และทิศตะวันตก ของเมืองวังสะพุง ซึ่งสันนิษฐานว่าเคยเป็นชุมชน/เมืองที่เจริญรุ่งเรืองด้านการเมือง การปกครอง การค้าพาณิชย์ และมีความอุดมสมบูรณ์ ก่อนเข้าและออกจากเมืองทิศใด ต้องแวะพักแรมทำพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์ก่อนทุกครั้ง จึงจะทำมาค้าขึ้น เจริญก้าวหน้า มีโชคลาภ และเดินทางโดยสวัสดิภาพ”ลวดลายที่สลักไว้บนใบเสมาหิน คล้ายกับแบบที่ ๑ และ ๒ ภาพรวมเป็นสามเหลี่ยมมุมแหลมเรียวยาว คล้ายหน่อไม้ หมายถึงความเจริญรุ่งเรือง องค์สถูปมีรูปทรงคล้ายหม้อดิน หมายถึง ความอุดมสมบูรณ์ อยู่ดีกินดี บนปากหม้อดินเป็นลายคล้ายพุ่มข้าวบิณฑ์/หน้าขบ/กระจังใบเทศ เป็นลักษณะลายผักกูด หรือกระจังตาอ้อย ต่อกันขึ้นไปอย่างนี้ ๓ ช่วง คือช่วงที่ ๑ เป็นฐาน : ลายเส้นลวด ลูกแก้ว บัวหงาย บัวคว่ำ และใบเทศ ช่วงที่ ๒ เป็นองค์สถูป : รูปทรงหม้อดินประดับเส้นลวด ลายบัว และใบเทศช่วงที่ ๓ เป็นปลียอด : ประดับลายพุ่มใบเทศ และรูปทรงหม้อดินสองขนาดประดับเส้นลวด ลายบัว และกนกสามตัว คล้ายประจำยามก้ามปู ปลายแหลมประดับบัวกลุ่ม ข้อสังเกต รูปทรงภาพรวมทุกแบบ คล้ายหน่อไม้ไผ่ และบางส่วนมีรูปทรงคล้ายหม้อดิน อาจหมายถึงความเจริญรุ่งเรืองและอุดมสมบูรณ์
เสมาหินที่พบมีทั้งสภาพสมบูรณ์และชำรุดปักรวมกันอยู่ในบริเวณวัดพัทธสีมาราม ส่วนใหญ่เป็นหินทรายสีขาว บางใบเป็นหินทรายสีแดงมีขนาดใหญ่เล็กปะปนกันตรงกลางมีลวดลายรูปสถูปเจดีย์ ประดับอยู่เกือบทุกใบ บางใบเป็นหม้อ "ปูรณฆฏะ" ประกอบลายพันธุ์พฤกษา ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แสดงถึงความอุดมสมบูรณ์ ใบเสมาทั้งหมดสามารถจำแนกได้เป็น ๗ กลุ่ม คือ กลุ่มที่มีรูปทรงใกล้เคียงหินธรรมชาติ กลุ่มที่สลักเป็นแผ่นเรียบมีรูปร่างค่อนข้างแน่นอน กลุ่มที่สลักเป็นหม้อปูรณฆฏะมีสถูปตอนบน กลุ่มที่สลักเป็นหม้อปูรณฆฏะสถูปตอนบนประกอบลายพันธุ์พฤกษา กลุ่มที่สลักเป็นหม้อปูรณฆฏะ ๒ ชั้น ๓ ชั้น ประกอบลายพันธุ์พฤกษา กลุ่มใบเสมาที่เป็นเสาแปดเหลี่ยมฐานบัวปลายสอบเข้าหากัน จำนวน ๑ ใบ และใบเสมาที่มีอักษรประกอบ ๑ ใบ พบใบเสมาปักรวมกันอยู่ที่คูน้ำคันดิน ในบริเวณวัดพัทธสีมาราม มีทั้งสภาพสมบูรณ์และชำรุดนับได้ ๔๐ ใบ และใบเสมา ๑ ใบ ศูนย์วัฒนธรรมจังหวัดเลยได้ทำสำเนาจารึกไว้พบว่าเป็นอักษรอินเดียใต้ (อักษรปัลลวะ) จำนวน ๑๒ บรรทัด ตัวอักษรลบเลือนอ่านได้เป็นบางคำ ลักษณะอักษรรูปแบบนี้สันนิษฐานว่าเป็นรูปแบบอักษรช่วงพุทธศตวรรษที่ ๑๔-๑๖ เส้นทางเข้าสู่แหล่งเสมาหินทรายบ้านบุ่งผักก้ามจากจังหวัดเลย ไปตามถนนเลย-อุดร ผ่านที่ว่าการอำเภอวังสะพุง พอถึงวงเวียนก็เลี้ยวซ้ายไปตามถนน วังสะพุง-ภูหลวง เลี้ยวขวาไปประมาณ ๕๐๐ เมตร