ชื่อ เมืองบางขลัง
อายุ อายุระหว่างพุทธศตวรรษที่ 18
ที่อยู่แหล่งที่ตั้ง ตำบลเมืองบางขลัง อำเภอสวรรคโลก จังหวัดสุโขทัย
สถานภาพของสถานที่ เมืองบางขลัง มีลักษณะผังเมืองเป็นรูปสี่เหลี่ยมด้านไม่เท่า ร่องรอยสิ่งก่อสร้างกำแพงในเมืองในแนวเหนือ-ใต้ ยาวประมาณ 700 เมตร ส่วนกำแพงด้านตะวันออก-ตะวันตก ยาว 1,600 เมตร ปัจจุบันเหลือเพียงกำแพงเมืองด้านทิศตัวนออก ส่วนกำแพงด้านทิศใต้ไม่ปรากฏขอบเขตชัดเจน
จากการสำรวจเมืองบางขลังพบโบราณสถานภายในและภายนอกเมืองจำนวน 22 แห่ง โบราณสถานส่วนใหญ่ที่มีขนาดใหญ่และสำคัญล้วนตั้งอยู่ภายนอกเมือง อาทิ วัดใหญ่ชัยมงคล วัดโบสถ์ ฯลฯ ขณะที่ในเมืองมีโบราณเพียง 4 แห่ง นอกจากนี้ ยังพบโบราณสถานบนภูเขาคือ โบราณสถานเขาเดื่อ และแหล่งตัดศิลาแลงบริเวณเชิงเขาเดื่อซึ่งเป็นวัสดุก่อสร้างโบราณสถานส่วนใหญ่ของเมืองบางขลัง
ความสำคัญในอดีต เมืองโบราณแห่งนี้อาจมีอายุร่วมสมัยกับเมืองสุโขทัย และเมืองศรีสัชนาลัย
สภาพทางภูมิศาสตร์ ใกล้กับเมืองโบราณนี้มีลำน้ำสายสำคัญไหลผ่าน 2 สาย ได้แก่ ลำน้ำฝากระดานหรือลำน้ำแม่มอกไหลผ่านทางทิศตะวันออก ห่างจากกำแพงด้านตะวันออกประมาณ 1.5 กิโลเมตร ส่วนคลองยาง (คลองมักกะสัง) ไหลผ่านตัวเมืองขนานกับแนวกำแพงด้านทิศตะวันตก
สภาพทางเศรษฐกิจและสังคม -
ลักษณะเด่นทางวัฒนธรรม กรมศิลปากรที่ดำเนินการขุดสำรวจทางโบราณคดีที่เมืองบางขลังในระหว่าง พ.ศ. 2540-2544 ทำให้ทราบเรื่องราวเกี่ยวกับวิถีความเชื่อของผู้คนในอดีต ซึ่งน้อมนำให้เกิดศรัทธาต่อการก่อสร้างโบราณเนื่องในพุทธศาสนาจำนวนมาก ทั้งในเมืองและนอกเมือง ซึ่งพบว่ามีอายุระหว่างพุทธศตวรรษที่ 19-20 โบราณสถานที่สำคัญ ได้แก่ วัดโบสถ์ วัดใหญ่ชัยมงคล วัดริมทาง วัดเจดีย์เจ็ดแถว วัดเจดีย์โทน วัดป่ามะม่วง วัดป่ากล้วย วัดต้นมะเกลือ วัดเจดีย์คู่ วัดดงอ้อยเหนือ วัดป่าสักเหนือ วัดก้อนแลง วัดไร่ถั่ว วัดมุมเมือง วัดสระคู่ วัดดงสะเดา วัดป่าสักใต้ วัดต้นประดู่ วัดริมคลองยาง วัดเขาเดื่อ
โบราณสถานดังกล่าว วัดโบสถ์ และวัดใหญ่ชัยมงคล นับเป็นโบราณสถานขนาดใหญ่ที่มีองค์ประกอบของโบราณสถานค่อนข้างสมบูรณ์ โดยประกอบด้วย วิหาร มณฑป เจดีย์ ฯลฯ ทั้งยังพบการบูรณปฏิสังขรณ์โบราณสถานทั้งสองแห่งนี้เพื่อใช้งานในช่วงพุทธศตวรรษที่ 20-22
นอกจากนี้ ยังพบหลักฐานการใช้เครื่องถ้วยชามเนื้อแกร่งที่ผลิตจากเตาเมืองศรีสัชนาลัย ที่มีอายุราวพุทธศตวรรษที่ 19-20 พิธีกรรมความเชื่อเกี่ยวกับการปลงศพในอดีตด้วยการบรรจุอัฐิซึ่งผ่านการเผาแล้วในภาชนะดินเผาฝังในบริเวณโบราณสถานภาชนะดินเผาส่วนใหญ่ที่บรรจุอัฐิเหล่านี้ส่วนใหญ่ผลิตจากแหล่งเตาเผาเครื่องถ้วยเมืองศรีสัชนาลัย ภายในภาชนะยังบรรจุเครื่องอุทิศ อาทิ คันฉ่องสำริด เต้าปูนสำริด แหนบสำริด ชิ้นส่วนพระพิมพ์ดินเผา เช่น วัดโบสถ์ วัดใหญ่ชัยมงคล วัดไร่ถั่ว วัดสระคู่
โบราณสถานบางแห่งยังพบชิ้นส่วนเครื่องถ้วยจีนสมัยราชวงศ์หมิง เช่น วัดดงอ้อยเหนือ อายุราวพุทธศตวรรษที่ 20-21
ประวัติความเป็นมา
เมืองบางขลัง ปรากฏกล่าวถึงในสิลาจารึก หลักที่ 2 (ศิลาจารึกวัดศรีชุม) ว่า “เมืองบางขลง” ศิลาจารึก หลัดที่ 3 (ศิลาจารึกนครชุม) ระบุชื่อ “เมืองบางฉลัง” หลักฐานดังกล่าวทำให้สามารถสันนิษฐาน ได้ว่าเมืองโบราณแห่งนี้อาจมีอายุร่วมสมัยกับเมืองสุโขทัย และเมืองศรีสัชนาลัย เมื่อราวพุทธศตวรรษที่ 18 ทั้งยังคงความสำคัญต่อเนื่องถึงรัชสมัยพระมหาธรรมราชา (ลิไท)
ต่อมาในสมัยอยุธยา การผนวกรัฐสุโขทัยเป็นดินแดนในปกครอง ส่งผลต่อเมืองบางขลัง ให้เป็นเพียงชุมชนหนึ่งของหัวเมืองภาคเหนือ จึงอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เมืองแห่งนี้ไม่ปรากฏในหลักฐานประเภทลายลักษณ์อักษร
ชื่อเมืองบางขลัง กลับมาปรากฏอีกครั้งในสมัยรัตนโกสินทร์ (รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว) ว่าเป็นส่วนหนึ่งของเมืองสวรรคโลกในปกครองสยาม ในจดหมายเหตุรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวต่อเนื่องถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว กล่าวถึง ยศ และราชทินนามชนชั้นปกครองเมืองบางขลังซึ่งมีพระบรมราชโองการแต่งตั้ง
นอกจากนี้ ใน พ.ศ.2450 เมื่อครั้งพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ขณะดำรงพระอิสริยยศเป็น สมเด็จพระบรมโอสาธิราชเจ้าฟ้ามหาวชิราวุธเสด็จพระราชดำเนินเมืองสุโขทัยและเมืองใกล้เคียง ในครั้งนั้นทรงพระราชนิพนธ์เรื่อง เที่ยวเมืองพระร่วง บทพระราชนิพนธ์ดังกล่าวระบุถึง เมืองบางขลัง และโบราณสถานหลายแห่งของเมือง เช่น วัดโบสถ์ วัดใหญ่(วัดใหญ่ชัยมงคล) เป็นต้น