กลองเพล จัดแสดงที่พิพิธภัณฑ์ชีวิตพระสุเมธาธิบดีมูลนิธิประชาสุขสันติ์ ที่ตั้งเลขที่ 84 หมู่ 4 ตำบลบ้านกล้วย อำเภอเมือง จังหวัดลพบุรี โทร. 0 3647 1847
กลองเพลมีทั้งขนาดเล็ก ขนาดกลาง และขนาดใหญ่ มีใช้ภายในวัดทั่วทุกภาคในประเทศไทย กลองเพลทางภาคกลางจะมีลักษณะอ้วนสั้น ส่วนกลองเพลทางภาคอีสานจะมีลักษณะยาว ในสมัยก่อนตัวกลองจะทำด้วยไม้เนื้อแข็งท่อนเดียวเช่นไม้ประดู่ขุดให้กลวง ใช้หนังสัตว์ส่วนใหญ่นิยมใช้หนังควายขึงปิดทั้งสองหน้าของกลอง ยึดโยงด้วยเส้นหนังและหวาย ส่วนปัจจุบันไม้ขนาดใหญ่เริ่มหายากขึ้นทุกวัน จึงเปลี่ยนมาใช้ไม้แผ่นประกอบและพัฒนาวัสดุยึดด้วยลวดสลิงแทน เวลาตีกลองใช้ไม้หรือมือตีเพื่อให้เกิดเสียงดัง วัดบางแห่งสร้างศาลาหรืออาคารแยกต่างหากไว้สำหรับวางกลองโดยเฉพาะเรียกว่าหอกลอง
ในสมัยโบราณเมื่อครั้งยังไม่มีนาฬิกาใช้ดังเช่นทุกวันนี้ การตีกลองเพลนอกจากเป็นสัญญาณบอกเวลาฉันภัตตาหารแล้ว เสียงกลองที่ดังก้องไปยังหมู่บ้านยังเป็นเครื่องบอกเวลาให้ชาวบ้านทราบว่าเป็นเวลา 5 โมงเช้าหรือ 11.00 นาฬิกา เพลย่อมาจากคำว่า เพลง ซึ่งหมายถึงเวลา บางวัดตีกลองเพลคู่กับระฆังหลังจากพระสงฆ์ทำวัตรเย็นเรียบร้อยแล้ว จึงเรียกว่าเป็นเวลาย่ำค่ำ