พระอุโบสถวัดพานิชธรรมิการาม
สถานที่ตั้ง วัดพานิชธรรมิการาม ตำบลหนองเต่า อำเภอบ้านหมี่ จังหวัดลพบุรี รหัสไปรษณีย์ 15110
จดทะเบียนปี พระอุโบสถพระอุโบสถวัดพานิชธรรมิการาม เริ่มสร้างเมื่อปีพ.ศ. ๒๕๐๑ สำเร็จเมื่อพ.ศ. ๒๕๑๗ เมื่อวันที่ ๑๗ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๑๗
ตำนานที่เกี่ยวข้อง/ความเชื่อ (ถ้ามี) หลวงปู่บุญเลี้ยง ได้คิดสร้างอุโบสถเพราะมาระลึกถึงพระพุทธเจ้าเมื่อครั้งสร้างบารมีเสวยชาติ เป็นเต่าตนุใหญ่อยู่กลางทะเลลึก มีพ่อค้าเรือสำเภาหลายคนนำเรือแล่นผ่านกลางทะเล ถูกมรสุมคลื่นลมขนาดหนักเรือแตกล่มจมกลางทะเล พ่อค้าและคนในเรือต่างก็หยิบคว้าไม้กระดานเรือ เกาะพยุงกายเคว้งคว้างอยู่กลางทะเล กระเสือกกระสนเข้าหาฝั่งจนเห็นเกาะๆ หนึ่ง พากันตะเกียกตะกายเข้าหาเกาะ เพื่อได้อาศัยให้รอดจากความตาย แต่เกาะนี้เป็นเกาะร้างปราศจากผู้คนอยู่อาศัย เต่าตนุที่พระพุทธเจ้าสร้างบารีนี้เห็นว่าพ่อค้าสำเภาที่อาศัยอยู่ที่เกาะจะ ไม่รอดจากความตายเสียแล้ว เพราะไม่มีข้าวปลาอาหารจะกินจึงคลานขึ้นมายังเกาะเข้าไปหา แล้วกล่าวขึ้นว่า ท่านพ่อค้าสำเภาถ้าท่านขืนอยู่ที่เกาะนี้ท่านเห็นจะไม่พ้นจากความตาย อาหารก็ไม่มีจะกิน ท่านจงฆ่าเราเสีย เอาเนื้อของเรามาแบ่งกันกิน แล้วเอากระดองหลังของเรานี้หงายลอยในน้ำต่างเรือ เอากระดอง อกเป็นหลังคากันแดดกันฝน พวกท่านลงไปในนั้น จะได้พาท่านไปเข้าฝั่งรอดพ้นจากความตายได้ ฯลฯ หลวงปู่ระลึกดังนี้จึงคิดสร้างอุโบสถบนหลังเต่าเพื่อเป็นสัญลักษณ์ทั้งยังสม กับชื่อบ้าน ชื่อวัดตลาดหนองเต่าด้วย
ลักษณะเอกลักษณ์ที่โดดเด่นของสถานที่ พระอุโบสถแห่งเดียวที่ตั้งอยู่บนหลังเต่าซึ่งเป็นเอกลักษณ์และชื่อตามหมู่ บ้านและตำบลหนองเต่า มีความสวยงามด้านบนเพดานเป็นดวงดาวสีทอง แท่นพระประธานเป็นรูปชุกชีมีบัวคว่ำบัวหงายเท้าสิงห์ กรุประดับด้วยกระจกสียกกลีบลวดลายสลับซับซ้อน ฐานกว้าง 8 ศอก สูง 8 ศอกสร้างอย่างวิจิตรพิสดารน่าชมยิ่งนักถ้าเรานั่งรถไฟสายเหนือจะผ่านสถานีหนองเต่า เมื่อเข้าเขตตำบลหนอง เต่าจะสามารถมองเห็นอุโบสถหลังนี้ตั้งตระหง่านเป็นสง่า หลังคาแพรวพราวระยิบระยับด้วยกระเบื้องเคลือบสีทองสวยงามมาก มองเห็นอย่างชัดเจน ซึ่งมีความสวยงามยิ่งนัก
ความสำคัญ วัดพานิชธรรมิการามเป็น วัดแห่งเดียวในประเทศไทยที่มีการสร้างอุโบสถที่อยู่บนหลังเต่า และ เมื่อวันที่ ๑๗ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๑๗ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ ได้เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยสมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าหญิงสิรินธรเทพ รัตนราชสุดา และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าหญิงจุฬาภรณ์วลัยลักษณ์ เพื่อประกอบพิธียกช่อฟ้าอุโบสถ ด้านในอุโบสถ และด้านล่างยังมีภาพจิตรกรรมฝาผนังจากฝีมือของบุคคลสำคัญในท้อง ถิ่นคือ ครูชุ่ม ไชยเดช ภายในอุโบสถเป็นภาพพุทธประวัติส่วนด้านล่างเป็นเรื่องรามเกียรติ์ตอนต่างๆ บริเวณตรงกลางที่เป็นท้องของเต่าหรือที่เรียกว่าห้องโถง ใช้เป็นที่เก็บอัฐิของผู้เสียชีวิต และยังมีพระพุทธรูปประจำวันเกิดไว้สักการบูชาอีกด้วย
กลุ่มคนที่ใช้ พุทธศาสนิกชนและประชาชนทั่วไป
จำนวนผู้อยู่อาศัย -
ผู้ดูแล พระอธิการพูนศักดิ์ สารโท