กลองกิ่ง มีชื่อเรียกหลายอย่าง เช่น กลองเส็ง หรือ กลองแต้ เป็นเครื่องดนตรีกลุ่มเครื่องกระทบที่มีเสียงตายตัวใช้บรรเลงทำนองเพลงไม่ได้ มีการใช้กลองกิ่งแห่ในบุญเดือนหก (บุญบั้งไฟ) ใช้ตีเพื่อทำพิธีขอฝนในฤดูที่จะทำไร่ ทำนา ต่อมาจึงมีการทำขึ้นเพื่อการแข่งขันหลังจากเสร็จพิธีแห่
กลองกิ่งทำจากไม้ประดู่แดง โดยการขุดไม้ต้นที่ตรงและไม่มีตาไม้ ทำเป็นรูปทรงกระบอกกลวง ด้านหน้ากลองกว้างประมาณ ๔๐ เซนติเมตร ก้นกลองกว้างประมาณ ๓๐ เซนติเมตร มีความสูงประมาณ 1 เท่าครึ่งของความกว้างหน้ากลอง หุ้มด้วยแผ่นหนังทั้งด้านหน้าและก้นกลอง ปัจจุบันนิยมใช้หนังควายแทนหนังวัวเพราะเหนียว ทนทาน และตีดังกว่า ส่วนไม้ตีกลองนิยมทำจากไม้เต็ง เพราะทนทานเวลาตีมีน้ำหนักดี
มีประเพณีหนึ่งที่เรียกว่าการเส็งกลอง หมายถึงการตีกลองแข่งกัน นิยมตีแข่งกันบนเวทีเป็นคู่ ๆ แต่ละคู่ต้องมีกลองสองใบ ต้องตรึงหน้ากลองให้ตึงที่สุด ค่อย ๆ ปรับระดับเสียงของกลองแต่ละคู่ให้มีเสียงเดียวกัน จากนั้นนำกลองที่เตรียมไว้ดีแล้วตั้งประกบคู่บนเวที การแข่งขัน ตีฝ่ายละห้าคน ๆ ละหนึ่งยก ยกละประมาณสองนาที การตัดสินจะพิจารณาจากเสียงกลอง คู่ที่ชนะต้องมีเสียงใส แหลมสูง และต้องตีให้ชนะสามในห้ายกและกลองต้องไม่ขาด
ชาวบ้านบ้านสว่างได้บริจาคกลองกิ่งให้ทางพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านวัดสว่างพิมพ์ธรรม หมู่ 2 บ้านสว่าง ตำบลสว่าง อำเภอสว่างวีระวงศ์ อุบลราชธานี