ลักษณะทั่วไป
วัดป่าเลไลยก์วรวิหาร มีเนื้อที่ 82 ไร่ 1 งาน เดิมชื่อวัดลานมะขวิด ขึ้นทะเบียนเป็นพระอารามหลวง เมื่อวันที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2478 เป็นศาสนสถานที่สำคัญของสุพรรณบุรี เป็นพระอารามหลวงที่พระมหากษัตริย์ทั้งในอดีตและปัจจุบัน ได้เคยเสด็จพระราชดำเนินมานมัสการ และโปรดให้ปฏิสังขรณ์ตลอดมา มีงานนมัสการหลวงพ่อโตวัดป่าเลไลก์เป็นประจำทุกปี โดยมีการเล่นเพลงเรือ เพื่อสืบสานวัฒนธรรมประเพณีการเล่นเพลงเรือและเป็นที่ชุมนุมของพ่อเพลงแม่เพลง
สมัยกรุงศรีอยุธยา
สันนิษฐานว่ามีการซ่อมแซมปฏิสังขรณ์วัดป่าเลไลยก์วรวิหารเรื่อย ๆ สังเกตจากการแก้ไขมณฑปพระป่าเลไลยก์ โดยมีการขยายซุ้มเดิมให้ยาวออกไปเพื่อดัดแปลงเป็นวิหาร รอยต่อนี้ยังเห็นได้ชัดเจนในปัจจุบัน วัดป่าเลไลยก์วรวิหารถูกทิ้งให้ทรุดโทรมลงระยะหนึ่ง
สมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
ขณะทรงผนวชได้เคยเสด็จวัดป่าเลไลย์วรวิหาร และเมื่อเสวยราชย์แล้วได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้เจ้าพระยานิการบดินทร์ที่ สมุหนายกเป็นแม่กองปฏิสังขรณ์ทั้งวิหารและองค์พระพุทธรูปให้ดีเหมือนอย่างเดิมส่วนวิหารนั้น ได้เพิ่มหลังคาขึ้นอีกข้างละ 2 ชั้น รวมเป็น 5 ชั้น และมีการปฏิสังขรณ์ในระยะต่อมาอีกหลายครั้ง
สมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ ยกฐานะวัดป่าเลไลยก์วรวิหารเป็นพระอารามหลวงชั้นตรีชนิดวรวิหาร เมื่อวันที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2464
ลักษณะทางสถาปัตยกรรม
วิหารพระป่าเลไลก์เป็นวิหารก่ออิฐถือ ปูน หลังคา 3 ชั้น สูง 25.50 เมตร กว้าง 23.30 เมตร ยาว 30.10 เมตร เจดีย์องค์ใหญ่เป็นเจดีย์แบบมอญสมัยอยุธยา สูง 9 เมตร ฐานวัดโดยรอบประมาณ 20 เมตร
วัดป่าเลไลยก์วรวิหาร มีโบราณสถาน โบราณวัตถุที่สำคัญคู่บ้านคู่เมืองของจังหวัด สุพรรณบุรี เช่น พระป่าเลไลยก์ เป็นพระพุทธรูปก่ออิฐถือปูน ปางเทศนา พระธรรมจักร หรือ พระปางป่าลิไลยก์ สูง 23.48 เมตร รอบพระวรกาย 11.20 เมตร ระฆังใหญ่ อยู่หน้าวิหารด้านในกำแพงแก้ว สร้างขึ้น พ.ศ. 2441 วิหารมอญลักษณะก่ออิฐถือปูน อยู่ทางใต้ของวิหารพระป่าเลไลก์
การเดินทาง
เส้นทางเข้าสู่วัดป่าเลไลย์วรวิหาร จากเชิงสะพานข้ามแม่น้ำสุพรรณบุรีด้านทิศตะวันตกไปตามถนนมาลัยแมน (ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 321) สู่จังหวัดนครปฐม ผ่านกำแพงเมืองไปประมาณ 1 กม. จะถึงทางแยกซ้ายมือเข้าวัดป่าเลไลก์ประมาณ 200 ม.