ภาพปริศนาธรรม พระราหูจับพญากาลนาคกลืนกิน ๒ ตัว มักจะมีอยู่ตามอุโบสถ หรือวิหารในวัดโบราณที่มีอายุมาก ไม่ต่ำกว่า ๑๐๐ ปี แต่ภาพจิตรกรรมปริศนาธรรมอย่างนี้ มักเขียนไว้ใต้ภาพพระแม่นางธรณีปิดมวยผม ซึ่งเป็นภาพจิตรกรรมตอนพระพุทธเจ้าผจญมาร บางอุ
โบสถในวัดต่างๆ รูปพระราหูอาจจะแตกต่างกันไปบ้าง ตามศิลปะของท้องถิ่นนั้นๆ เช่น บางแห่งเขียนภาพพระราหูตัวสีดำ สวมชฎามียอดสูงแบบมหามงกุฎ บางแห่งเขียนภาพตัวพระราหูสีเขียวใบไม้แก่ สวมชฎาแบบรัดเกล้า
ภาพปริศนาธรรมประเภทนี้ คิดดูให้ซื้อ พิจารณาโดยแยบคาย ใช้ปัญญาขลคิดตีปัญหาธรรมให้แตก จะเกิดธรรมสังเวช เป็นมรณานุสสติกัมมัฎฐานได้อย่างดี จะไม่ประมาทต่อวิถีชีวิตอันน้อยนิด เต็มไปด้วยภัยอันตรายฝืดเคือง และเปราะบาง แตกสลายได้ง่าย ดังที่พระรัฐบาลเถระถวายพระพร ตอบปัญหาพระเจ้าโกรัพยะ ว่าด้วยเหตุ ๔ ประการ ที่ทำให้ท่านต้องออกบวชในพระพุทธศาสนา ธรรมะนี้เรียกว่า ธุมมุทเทส ในพระสุตตันตปิฎก มัชณิมนิกาย มัชณิมปัณณาสก์ เล่มที่ ๑๓ เร่องที่ ๓๒ รัฎฐปาลสูตร มีข้อความว่า
โลกอันชรานำเข้าไปไม่ยั่งยืน. โลกนี้ไม่มีเครื่องป้องกัน ไม่เป็นใหญ่จำเพาะตน.
โลกไม่มีอะไรเป็นของตน จำต้องละทิ้งสิ่งทั้งปวงไป. โลกพร่องเป็นนิตย์ ไม่อิ่ม เป็นทาสแห่งตัณหา.
(ไขข้อความว่า) พระราหู อันมีใบหน้าเหมือนยักษ์ นั่นคือ พญามัจจุราช หรือพระยม ผู้คอยฉุดคร่าชีวิตของสรรพสัตว์ทุกถ้วนหน้า ไม่เลือกชั้นวรรณะ จะเป็นไพร่ ผู้ดี วณิพก ยาจก ท้่าวพระยา มหาเศรษฐี ทุกรูปทุกนาม ต้องตกอยู่ในอำนาจของความตาย คือพญามัจจุราช ด้วยกันหมดทั้งสิ้น จะช้าหรือเร็วเท่านั้น
พญากาลนาค ทั้ง ๒ ตัว ที่ถูกพระราหูจับกลืนกิน คือวันคืนที่ล่วงผ่านไป ไม่ย้อนหลังกลับมาเผาผลาญให้หมดไปแม้แต่ตัวของมันเอง ดังพระพุทธภาษิตที่ว่า
"กาโล ฆสติ ภูตานิ สพฺพาเนว สหตฺตนา" กาล คือเวลา ย่อมกลืนกินสรรพสัตว์ทั้งหลาย กับทั้งตัวมันเองฯ