เมื่อปี พ.ศ. 2500 พระครูพุทธิกรชโยดม เจ้าคณะอำเภอจัตุรัสในสมัยนั้น ได้รับคำสั่งจากพระพิมลธรรม ( อาสภเถระ ) วัดมหาธาตุ ฯ กรุงเทพ ฯ ว่า “ปรารถนาจะเผยแผ่วิปัสสนากัมมัฏฐานให้แพร่หลายทั่วราชอาณาจักรไทย” ท่านจึงปรึกษาหารือกับคณะการรมการอำเภอ และคหบดีชาวจัตุรัส จัดหาสถานที่สร้างวัด เพื่อดำเนินการสอนและปฏิบัติวิปัสสนากัมมัฏฐานดังกล่าว ได้พิจารณาจนเห็นชอบพร้อมกันว่า ที่ดิน ของนายพา ชัยจันดี เป็นที่เหมาะสม ตั้งอยู่ริมห้วยทองหลาง มีต้นไม้บ้างเล็กน้อย ตกลงใจเป็นเอกฉันท์ให้ดำเนินการจัดซื้อที่ดินนั้นต่อไป
นายมโหสถ อาจศิริ เป็นผู้หนึ่งที่อยู่ในคณะกรรมการนั้น ได้มีศรัทธาแรงกล้า ร่วมกันกับญาติ คือ นางกิมยง แซ่เจียง ( พงษ์อุดม ) และนางบุญครอง พงษ์อุดม สละทรัพย์ซื้อที่ดินผืนนั้น คิดเป็นเนื้อที่ 6 ไร่เศษ ในราคา 6,000 บาท ( หกพันบาทถ้วน ) เมื่อโอนกรรมสิทธ์แล้ว ได้จัดการยกที่ดินให้แก่คณะสงฆ์อำเภอจัตุรัส ต่อมา พระอาจารย์บุญตา สีลานุโลโม ได้ไปฝึกอบรมวิปัสสนากรรมฐานจากวัด มหาธาตุยุวราชรังสฤษดิ์ กรุงเทพ ฯ ได้มาเปิดสอนฝึกอบรม เป็นอาจารย์องค์แรก ได้มีพระภิกษุสามเณรเป็นจำนวนมากเข้ารับการฝึกอบรมตลอดพรรษา เช่น พระครูพุทธิกรชโยดม พระครูนิเทศสาสนธรรม เป็นต้น และมีประชาชนนิยมเข้าฝึกอบรมเป็นจำนวนมาก ท่านพระอาจารย์บุญตา จึงได้รับแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสตั้งแต่บัดนี้นั้นเป็นต้นมา จนกระทั่งท่านมรณภาพ ต่อมาอีกหลายเดือน พระพิมลธรรม ( อาจ อาสภเถระ ) ได้มาตรวจราชการที่จังหวัดชัยภูมิ เพื่อดูการสร้างวัดชัยภูมิวนาราม จึงถือโอกาสแวะมาดูวัดที่จัตุรัสด้วย ได้ออกความเห็นว่า “ ยังคับแคบ ขอให้ขยายออกไปอีก” จึงได้ประชุม ยาติโยม ณ ศาลาวัดทรงธรรม เพื่อจัดซื้อที่ดินที่อยู่ติดต่อกัน โดยพระเดชพระคุณพระพิมลธรรมได้เสียสละนำก่อน เป็นเงินจำนวน 50 บาท ชาวบ้านจึงได้เสียสละตามคนละเล็กคนละน้อย แล้วมอบให้นายมโหสถ อาจศิริ เป็นผู้รวบรวมเงินจัดซื้อที่ดิน เป็นเงิน 5,000 บาท คิดเป็นเนื้อที่ 12 ไร่เศษ เมื่อโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินแล้ว ได้นำมอบถวายพระครูพุทธิกรชโยดม นับแต่ได้สร้างวัดขึ้น ประชาชนทั่วไปนิยมเรียกวัดนี้ว่า “ วัดป่า” หรือบางที่ก็เรียกว่า “ วัดหนอ”ตามคำภาวนาที่ว่า พองหนอ ยุบหนอ นั่งหนอ เดินหนอ ฯลฯ ต่อมา สมเด็จพระธีรญาณมุนี วัดจักรวรรดิราชาวาส เ มื่อครั้งเป็น พระธรรมธีรราชมหามณี เจ้าคณะตรวจการภาค 3 ได้ตั้งชื่อว่า “ วัดศิริพงษาวาส” ทั้งนี้ วัดนี้เป็นวัดที่ตระกูลทั้งสองคือตระกูล“ อาจศิริ ” กับตระกูล “ พงษ์อุดม ” นี้ได้มีส่วนขวนขวายช่วยกันสร้าง ฉะนั้น จึงขอตัดเอานามสกุลของทั้งสองตระกูลมารวมกันตั้งเป็นชื่อวัดดังกล่าว เพื่อเป็นอนุสรณ์ของสองตระกูล และเพื่อเป็นเกียรติ์ เป็นมงคลแก่สองตระกูลสืบไปชั่วกาลพุทธันดร ในปี พ.ศ. 2514 พระครูพุทธิกรชโยดมได้มอบให้นายมโหสถ อาจศิริ ดำเนินการขออนุญาตจัดทำโฉนดที่ดินของวัดศิริพงษาวาส เพื่อป้องกันการถูกบุกรุกที่ดินของวัด ดังเช่นที่เคยมีตัวอย่างมาแล้วหลายวัดด้วยกัน การดำเนินการติดต่อขอทำโฉนดที่ดินต่อหอทะเบียนที่ดินจังหวัดชัยภูมิ ต้องใช้ความพยายามอยู่ถึง 2 ปี จนถึงปี 2516 จึงได้โฉนดของวัดเป็นที่เรียบร้อย สิ้นค่าใช้จ่ายทั้งสิน 2,260 บาท 80 สตางต์ ได้ทำพิธีถวายแก่คณะสงฆ์ในลำดับต่อมา