รายละเอียดข้อมูล
ชื่อสถานที่ สุเหร่าอาโหว์
สถานที่ตั้ง หมู่ที่ ๑ ตำบลมะนังยง อำเภอยะหริ่ง จังหวัดปัตตานี
ประวัติความเป็นมา
สุเหร่าอาโหว์เป็นศาสนสถานอีกแห่งหนึ่งที่อยู่ในเป้าหมายของรัฐในการฟื้นฟู จึงเห็นว่าเป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ที่เป็นตัวบอกเล่ารากเหง้าของคนมลายูได้เป็นอย่างดี ซึ่งสุเหร่าทำด้วยไม้ ลักษณะยกพื้นใต้ถุนสูงพอสมควร ตัวสุเหร่ามีลักษณะลวดลายแกะสลักเหนือลูกกรง ฝาผนังเป็นแบบฉบับหรือรูปแบบเสมือนบ้านสมัยโบราณ ( ด้านหน้ามีประตูทั้ง ๒ ข้าง ) สุเหร่าอาโหว์ตั้งอยู่ที่หมู่ที่ ๑ ตำบลมะนังยง อำเภอยะหริ่ง จังหวัดปัตตานี ประวัติความเป็นมาค่อนข้างยาวนานมีอายุกว่า ๔๐๐ ปี จากการบอกเล่าของปราชญ์ท้องถิ่นเล่ามาว่า เดิมทีสุเหร่าแห่งนี้ตั้งอยู่ในบริเวณริมคลองตันหยง และมีสุเหร่าอีกแห่งหนึ่งตั้งขนานกันริมฝั่งคลองชื่อสุเหร่าสุไหงยาลอ แต่สุเหร่าอีกแห่งหนึ่งได้ผุพังไปตามเงื่อนไขทางกาลเวลา สาเหตุที่สุเหร่าดังกล่าวตั้งอยู่ริมน้ำสันนิฐานได้ว่าน่าจะเป็นเพราะการคมนาคม ค้าขายทางน้ำ เมื่อครั้งปัตตานีรุ่งเรืองมีการติดต่อระหว่างชวาและมะละกา ต่อมาเมื่อกาลเวลาเปลี่ยนแปลงผู้คนเริ่มสัญจรทางน้ำน้อยลงและหันมาใช้ถนนหนทางมากขึ้นทำให้ชาวบ้านในขณะนั้นได้ย้ายสุเหร่าดังกล่าวที่อยู่ริมน้ำมาตั้งไว้ในพื้นที่ ปัจจุบันโดยมีชาวบ้านในท้องถิ่นนั้นได้ยกที่ดินของตนให้เป็นที่สาธารณะและตั้งสุเหร่าดังกล่าว จากการบอกเล่าของชาวบ้านว่าตอนย้ายสุเหร่าดังกล่าวมานั้นมิได้ทำการรื้อถอนสุเหร่าแล้วนำมาประกอบใหม่แต่ใช้วิธีการยกมาทั้งหลังจากการสำรวจพบว่า สุเหร่าอาโหว์ นั้นถูกสร้างด้วยไม้ตะเคียนทั้งหลังโดยไม่มีการใช้ตะปูแม้แต่ดอกเดียว ซึ่งเป็นศิลปะการก่อสร้างเป็นแบบชวาดั้งเดิมมีลวดลายที่บ่งบอกที่มาที่ไป และอายุของสุเหร่าโบราณนี้ได้อย่างดี หลังคาทำด้วยกระเบื้องโบราณ เสาทุกต้นใช้วิธีการเข้าสลักแบบโบราณ ผู้ที่ก่อสร้างสุเหร่าแห่งนี้คือ โต๊ะลางิอีแต เป็นผู้นำช่างจากชวามาก่อสร้างหลักฐานที่ยืนยันข้อมูลนี้คือหลุมฝังศพ (กุโบว์) ของโต๊ะลางิอีแตที่อยู่ใกล้กับหมู่บ้านที่ตั้งสุเหร่า และอายุของสุเหร่าน่าจะมีอายุใกล้เคียงกับมัสยิดวาดีอัล-ฮุเซน (ตะโล๊ะมาเน๊าะ) จังหวัดนราธิวาส
ปัจจุบันได้มีการบูรณะฟื้นฟูสุเหร่าโดยช่างภูมิปัญญาชาวบ้าน และมีโครงการปรับปรุงสภาพภูมิทัศน์บริเวณมัสยิด ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากองค์การบริหารส่วนจังหวัดปัตตานี มีการก่อสร้างอาคารต่างๆ เช่น อาคารอาบน้ำละหมาด ๒ หลัง (ชาย/หญิง) อาคารห้องน้ำ ๑ หลัง โรงครัว ๑ หลัง และมีการจัดทำทางเท้าและสนามหญ้าบริเวณสุเหร่าเพื่อความสวยงาม ต่อมาการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคใต้เขต ๓ ได้ทำจัดโครงการการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ย้อนรอยประวัติศาสตร์ปาตอนีดารุสลาม โดยได้รับความร่วมมือจากทางเทศบาลตำบลตันหยง สุเหร่าอาโหว์ก็เป็นสุเหร่าหนึ่งที่อยู่ในโครงการซึ่งมีความน่าสนใจและน่าเข้าไปศึกษา ส่วนการเดินทางมีความสะดวกสบาย ห่างจากตัวเมืองปัตตานีประมาณ ๒๒ กิโลเมตร ตามทางหลวงหมายเลข ๔๒ เมื่อถึง ๓ แยกประปาเทศบาลเลี้ยวซ้ายเข้าไปอีกประมาณ ๕๐๐ เมตร ก็ถึงที่ตั้งสุเหร่า
เอกลักษณ์โดดเด่นของสถานที่
เอกลักษณ์โดดเด่นของสุเหร่า คือ ถูกสร้างด้วยไม้ตะเคียนทั้งหลังโดยไม่มีการใช้ตะปูแม้แต่ดอกเดียว ซึ่งเป็นศิลปะการก่อสร้างเป็นแบบชวาดั้งเดิม
กลุ่มคนที่ใช้
ประชาชนในหมู่บ้าน
จำนวนผู้ที่อาศัย
๓๐ คน
ชื่อผู้ดูแล
นายสมาน เจ๊ะปอ