กลองใหญ่
เมื่อปีพ.ศ.๒๔๘๘-๒๔๘๙ หลวงพ่อโต (พระครูนิวาสธรรมสาร) ได้พบไม้ตาเสือที่บริเวณป่าเนินดินแดง อำเภอแกลง มีขนาดเหมาะสมที่จะนำมานำกลองขนาดใหญ่ประจำวัดเขากระโดน จึงได้นำชาวบ้านไปตัดส่วนโคนยาวประมาณ ๘-๙ ศอก(สองวาเศษ) แล้วชักลากโดยใช้ไม้จากพูต้นกะบก มาทำเป็นล้อขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง ๑ เมตร ๒ ล้อ นำโคนไม้ตาเสือมาพาดไว้บนเพลา ระหว่างล้อนั้นผูกด้วยเถาวัลย์ ให้ชาวบ้าน ๔๐ คนช่วยกันลากออกมา
การกลึงเริ่มด้วยการใช้ขวานเหงาะ ถากโคนไม้ตาเสือนั้นให้ได้รูปร่างของกลอง แล้วเจาะโพรงโดยใช้ไฟเผาใช้มีดและขวานเจาะ ตกแต่งภายในให้เรียบร้อย ส่วนการเตรียมการกลึงภายนอกนั้น ต้องขุดดินลึกลงไป ประมาณครึ่งหนึ่ง ของกลองใช้ไม้ขนาดใหญ่ตีเป็นรูปกากะบาด วางที่หิน-ท้าย ของหลุมเจาะไม้กากะบาด ๒ อัน ตรงกึ่งกลาง ภายในกลองใช้ไม้ตีเป็นรูปกากะบาดใส่ - ท้ายของกลอง เจาะไม้กากะบาดตรงกึ่งกลาง เช่นกัน ใช้ไม้แผ่นงัดใส่เพลาที่ละด้าน แล้วทำร้านภายนอกหลุม (ด้านข้าง) เอาไม้พาดตามยาวของหลุม
การขึงกลองนำหนังควายมาแช่น้ำให้อิ่มตัว แล้วทำการฆ่าหนัง (ฟอกหนัง) โดยผสมเครื่องแกงเผ็ดตำให้ละเอียดมาเททั่วผืนหนัง ใช้ไม้กระดานพาดเหนือหนังควาย ผลัดเปลี่ยนกันเดิน บนไม้กระดาน เอาสากตำข้าวตำจนทั่วหากหนังส่วนใดไม่ถูกเครื่องแกง หรือตำไม่ทั่วเมื่อแห้งหนังจะแข็งตีไม่ดัง ทำเช่นนี้จนหนังนิ่มจึงล้างน้ำตากแดดลมให้แห้ง
การขึงหนังกลองจะต้องเจาะรอบปากกลองเป็น ๒ แถว แล้วกลึงไม้เสลาโอน (คล้ายต้นหมากแต่มีหนามที่ลำตัน) ที่แก่จัด เนื้อไม้ดำเป็นมันมากลึงเป็นหมุดหัวกลม นำหนังควายมาขึงดึงให้ตึงแล้วตอกหมุดทับหนังติดกับกลอง เมื่อขึงหนังกลองได้ด้านหนึ่ง หลวงพ่อโตไปนั่งสมาธิลงผ้ายันต์ด้านในของกลอง เมื่อกลองเสร็จเรียบร้อย จึงได้สร้างหอสูงขึ้ยเป็นหอกลอง แล้วใช้ประจำมาตลอด