มัดหมี่เป็นเทคนิคการทอผ้าที่ใช้กรรมวิธีการมัดและการย้อม ทำให้เกิดการสร้างสรรค์ลวดลายบนเส้นใยคำว่า “มัดหมี่” มาจากกรรมวิธีการ “มัด” เส้นด้วยเป็นกลุ่มๆ ก่อนการย้อมสี ส่วน “หมี่” หมายถึง เส้นด้าย ในภาคเหนือนิยมเรียกกว่า มัดก่าน ในต่างประเทศนิยมใช้คำว่า ikat ซึ่งเป็นคำศัพท์ภาษาอินโดนีเซีย-มลายู การทอผ้ามัดหมี่นั้นเป็นศิลปะการทอผ้าชนิดหนึ่งที่นิยมทำกันมานาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาคอีสานของประเทศไทย ส่วนภาคอื่นๆ มีการทออยู่บ้างแต่ไม่มากนัก
เทคนิคการมัดหมี่สามารถทำได้ทั้งกับเส้นใยจากฝ้ายและไหม แต่ผ้าไหมมัดหมี่มักมีลวดลายละเอียดและเล่นสีสันได้มากกว่าผ้าฝ้ายมัดหมี่ การมัดหมี่ทำได้กับทั้งด้ายเส้นยืนและเส้าพุ่ง ซึ่งการมัดหมี่ด้ายเส้นยืนอาศัยการกำหนดความยาวของผ้า ส่วนการมัดหมี่ด้ายเส้นพุ่งสามารถสร้างลายได้ไม่จำจัดความยาวของผ้า ซึ่งการมัดหมี่ด้ายเส้นพุ่งทำได้ง่ายกว่ามัดหมี่ด้ายเส้นยืน จึงเป็นที่นิยมมากกว่า เทคนิคการทอผ้ามัดหมี่สามารถจำแนกได้ ๓ ประเภท คือ
๑. มัดหมี่เส้นพุ่ง เป็นผ้ามัดหมี่ที่มัดย้อมลวดลายเฉพาะเส้นพุ่งเท่านั้น
๒. มัดหมี่เส้นยืน เป็นผ้ามัดหมี่ที่มัดย้อมลวดลายเฉพาะเส้นยืนเท่านั้น
๓. มัดหมี่เส้นหมี่และเส้นพุ่ง เป็นผ้ามัดหมี่ที่มัดย้อมลวดลายทั้งเส้นพุ่งและเส้นยืน
สำหรับผ้ามัดหมี่ลายหมากเบ็งนั้น ถือได้ว่าเป็นลายที่มีเอกลักษณ์และเป็นอัตลักษณ์หนึ่งเดียวของจังหวัดบึงกาฬ โดยหมากเบ็งถือเป็นอุปกรณ์ที่ชาวพื้นเมืองบึงกาฬและในแถบลุ่มน้ำโขงใช้ในการสักการะ สิ่งศักดิ์สิทธิ์โดยเฉพาะพระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ในโอกาสสำคัญต่างๆ โดยจะเห็นชาวบ้านทั่วไปนำหมากเบ็งไปบูชาพระในวันพระหรือวันสำคัญทางศาสนา หมากเบ็งทำมาจากใบตองกล้วยซึ่งชาวบ้านมักจะนำไปไหว้พระเป็นคู่ ด้วยเหตุนี้เองจึงได้มีการนำลายหมากเบ็งมาเป็นลายผ้ามัดหมี่เพื่อสะท้อนวิถีชีวิตของชาวพุทธในจังหวัดบึงกาฬและแถบลุ่มน้ำโขง