ในอดีตใช้ 'กระทะใบบัวการหุงข้าวด้วยกระทะใบบัวเป็นวิธีการหุงเพื่อให้ได้ข้าวเพียงพอสำหรับเลี้ยงคนจำนวนมาก มักจะเห็นในงานบุญที่เจ้าภาพเตรียมไว้สำหรับเลี้ยงแขกเหรื่อ นอกจากจะได้ข้าวสวยปริมาณตามต้องการแล้วยังมีข้าวตังติดก้นกระทะส่งกลิ่นหอมยั่วยวนน้ำลายไว้เป็นอาหารว่างได้ด้วย
ลุงสว่าง สังฆวัตร อายุ ๘๐ ปี [เกิดปีเถาะ พ.ศ. ๒๔๘๒] ชาวบ้านหมู่ที่ ๒ บ้านตะปอนใหญ่ ตำบลตะปอน อำเภอขลุง กำลังสาละวนอยู่กับการตระเตรียมหุงข้าวบนกระทะใบใหญ่หลังจากก่อไฟด้วยฟืนลุกโชนแล้ว
"ตามความเข้าใจของคนสมัยก่อนที่เรียกต่อ ๆ กันมาว่ากระทะใบบัวไม่มีหู กระทะใบนี้เป็นกระทะเหล็กมีหู เป็นเหล็กหนาโบราณ ทั้งไม้พาย ตะหลิวด้ามไม้ ก็เป็นของเก่าแก่ในครัวที่วัดตะปอนใหญ่ที่ใช้ต่อ ๆ กันมา
น่าจะมีอายุเป็นร้อยปีแล้วนะ เพราะเห็นมาตั้งแต่ผมยังเด็ก ๆที่วัดยังมีเตาก่อแบบโบราณยังใช้กันอยู่ ส่วนเตาอันนี้ก็มาทำขึ้นใหม่สำหรับไว้ใช้ออกงานต่าง ๆ"
เมื่อน้ำเดือดแล้ว ลุงสว่างเทข้าวสารลงในกระทะ
"ใบนี้หุงได้ประมาณ ๑๔ ลิตร ใช้เวลาประมาณ ๑ ชั่วโมงข้าวก็สุก" ลุงสว่างอธิบาย
ลุงฉลอง สนาท อายุ ๗๗ ปี [เกิดปีมะเมีย พ.ศ. ๒๔๘๕] ชาวบ้านหมู่ที่ ๑ บ้านตะปอน ตำบลเกวียนหัก อำเภอขลุง ทำหน้าที่ผู้ช่วยหยิบไม้พายกวนข้าวในกระทะ
ลุงสว่างหยิบกระบวยที่ทำมาจากขันอลูมิเนียมต่อด้ามไม้ยาวคอยบี้ข้าวที่จับตัวเป็นก้อนพร้อมกับตักเศษผงทิ้ง
รอจนน้ำเดือดอีกครั้ง ลุงสว่างใช้มือซ้ายจับด้ามบุ้งกี๋สานด้วยหวายกดลงไปในน้ำข้าว ส่วนมือขวาถือกระบวยตักน้ำในบุ้งกี๋ออกทิ้ง [เช็ดน้ำ] จนน้ำพร่องลงใกล้งวด ขณะที่ลุงฉลองยังใช้ไม้พายกวนข้าวจากก้นกระทะให้ขึ้นมาอยู่ข้างบนตลอดเวลา ลุงสว่างดึงดุ้นฟืนออกจากเตาให้เหลือเพียงถ่านในเตา ขั้นตอนนี้เรียกว่า 'ราไฟ'
สองมือเหี่ยวย่นแต่ยังแข็งแรงหยิบหม้ออลูมิเนียมใบเล็กที่ใส่น้ำยาข้าวตังกดวางลงในข้าวเป็นการอุ่นน้ำยาข้าวตังไปพร้อมกัน จากนั้นใช้ฝาครอบกระทะไว้เพื่อดงข้าว [อบ] ให้ระอุพร้อมที่จะสุก
ถึงขั้นตอนนี้ลุงทั้งสองรามือมีเวลานั่งพักคอย
การหุงข้าวด้วยกระทะขนาดใหญ่ด้วยเตาถ่านเป็นภูมิปัญญาชาวบ้านของคนโบราณเมื่อยังไม่มีไฟฟ้าใช้
ซึ่งต้องใช้แรงกายและความชำนาญในการกะเวลาของแต่ละขั้นตอนการหุง
ต่างจากสมัยนี้ที่มีหม้อหุงข้าวไฟฟ้าขนาดต่าง ๆ ให้เลือกใช้สำหรับหุงข้าวปริมาณตามความต้องการได้โดยสะดวก
"สมัยนี้ไม้ฟืนหายาก ไม่ค่อยมีใครหุงข้าวแบบนี้แล้ว สมัยก่อนเวลาเลี้ยงคนเป็นร้อยต้องหุงแบบนี้ มีข้าวตังเหลือให้กินอีก เมื่อก่อนไม่ค่อยมีอะไรกิน เดี๋ยวมีนี้ของกินเยอะแยะ" ลุงสว่างแจงระหว่างคอยข้าวสุก
เมื่อข้าวสุกแล้วจะส่งกลิ่นหอมที่คุ้นเคย ลุงฉลองเปิดฝาครอบออก ไอข้าวพวยพุ่งขึ้นมา แล้วหยิบหม้อใบเล็กออกมาจากกระทะ ลุงสว่างใช้ตะหลิวด้ามไม้ค่อย ๆ ตักข้าวใส่หม้ออลูมิเนียมสองใบ ที่เหลือก้นกระทะเป็นข้าวตัง ขณะที่ความร้อนจากเตายังระอุอยู่ ลุงสว่างตักน้ำยาข้าวตังราดลงไปที่ข้าวก้นกระทะ ส่งกลิ่นเรียกผู้คนมารุมล้อม พอได้ที่ลุงสว่างใช้ตะหลิวแซะข้าวตังตัดแบ่งแจกจ่ายให้ทั่วถึงกัน หลังจากเสร็จภารกิจ ลุงสว่างบอกว่า น้ำยาข้าวตังเป็นสูตรโบราณ "ส่วนผสมมีหัวกระเทียมปอกโขลกกับหัวหอม ผักชี ใช้น้ำมันหมูหรือน้ำมันพืชก็ได้ตามใจชอบเคี่ยวไฟอ่อน ๆ เติมน้ำปลา น้ำตาลทรายหรือน้ำอ้อยจนละลายไม่ต้องให้เดือด"