ร่วมแสดงความคิดเห็นกับเรา
ขอขอบคุณสำหรับการเยี่ยมชมเวบไซต์ m-culture.in.th

เราได้จัดทำแบบสำรวจแบบง่ายๆ เพื่อจะ
ได้ทราบถึงสิ่งที่ผู้เยี่ยมชมเวบไซต์เรา
ชอบและให้เราได้เรียนเกี่ยวกับคุณมากขึ้น
 
ละติจูด (รุ้ง) : N 7° 37' 5.9999"
7.6183333
ลองจิจูด (แวง) : E 100° 4' 23.9999"
100.0733333
เลขที่ : 194732
โพน
เสนอโดย พัทลุง วันที่ 15 กันยายน 2564
อนุมัติโดย พัทลุง วันที่ 7 กรกฎาคม 2565
จังหวัด : พัทลุง
0 945
รายละเอียด

โพนหรือตะโพนคือกลองทัดหรือกลองเพลของภาคกลาง เป็นดนตรีประเภทเครื่องตีในภาคใต้ มีไว้ประจำตามวัดวาอารามเพื่อตีบอกเวลา ใช้ตีประโคมเรือพระในเทศกาลออกพรรษาหรือชักพระ เรียกว่า "คุมโพน" ใช้ตีประชันเสียงเป็นกีฬาอย่างหนึ่ง เรียกว่า "แข่งโพน" และนำไปเล่น "หลักโพน" โพนจะมีค่าเพียงใดขึ้นอยู่กับความนุ่มนวลและความดังของเสียง ซึ่งขึ้นอยู่กับการทำตัวโพน (หรือ "หน่วยโพน") กับวิธีหุ้ม

การทำหน่วยโพน

หน่วยโพน ทำด้วยไม้ที่มีเนื้อเหนียว แข็ง ไม่แตกง่ายเช่น ไม้ขนุน ไม้พะยอม ไม้ตาลโตนด ฯลฯ โดยเลือกต้นที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ ๑ ฟุตครึ่งเป็นอย่างน้อย ตัดไม้เป็นท่อนให้ความยาวพอ ๆ กับเส้นผ่านศูนย์กลางของท่อนไม้หรือยาวกว่าเล็กน้อย นำมาถากด้านนอกให้มีลักษณะสอบหัวสอบท้าย แต่งผิวให้เรียบแล้วเจาะตามแนวยาวตรงจุดศูนย์กลางให้ทะลุ ทะลวงรูให้รูกว้างขึ้นขนาดอย่างน้อยพอกำหมัดล้วงได้ จากนั้นใช้เครื่องมือขุดแต่งภายในให้รูผายกว้างออกเป็นรูปกรวยทั้ง ๒ หน้าเรียกว่า "แต่งอกไก่" กะความหนาตรงปากโพนทั้ง ๒ หน้าประมาณเท่านิ้วหัวแม่มือ ใช้เหล็กกลมเจาะรูรอบปากทั้งสองเพื่อใส่ลูกสัก รูนี้จะเจาะห่างจากขอบปากเข้ามาราว ๒ นิ้ว และเจาะห่างกันราว ๑.๕ นิ้ว โดยเจาะให้ทะลุขนาดรูเล็กกว่าปลายนิ้วก้อยเล็กน้อย เจาะรูที่กึ่งกลางโพนเอาเหล็กทำบ่วงร้อยสำหรับแขวน ต่อไปก็เตรียมอุปกรณ์และชิ้นส่วนต่าง ๆ ในการหุ้มโพนให้พร้อม ได้แก่

๑. ลูกสักทำด้วยไม้ไผ่ดงที่แก่จัด ตัดให้ด้านหนึ่งติดข้ออีกด้านหนึ่งวัดให้ได้ขนาดสั้นกว่ารัศมีปากโพนสัก ๑.๕ นิ้ว ผ่าเป็นซี่สี่เหลี่ยมจำนวนเท่ารูใส่ลูกสักที่เจาะไว้ เหลาให้กลม ด้านที่ติดข้อแต่งให้หน้าตัดโค้งมน บากหัวทำมุม ๙๐ องศา ตัดจากจุดบากราว ๑ นิ้ว ค่อยแต่งให้เรียว แล้วตากแดดไว้ให้แห้ง

๒. ปลอกหวายใช้สำหรับรัดหนังให้ตึงก่อนตอกลูกสัก ทำด้วยหวายเป็นขดกลมขนาดโตเท่าเส้นรอบวงของโพนบริเวณตัดเข้าไปจากรูใส่ลูกสัก

๓. หนังทุ้มใช้หนังวัวหรือหนังควายแล้วแต่ความเหมาะสมคือ ถ้าเป็นโพนขนาดใหญ่จะใช้หนังควาย เพราะผืนใหญ่และหนากว่าหนังวัว หนังต้องฟอกเสียก่อน การฟอกมีวิธีต่างๆ กัน เช่น นำหนังแช่น้ำในภาชนะ ทุบข่า รากต้นช้าพลูแล้วหมักไว้ ๒ วัน หนังที่นำมาหมักนี้ต้องขูดขนออกเสียก่อนและต้องใช้หนัง ๒ ผืน

๔.สถานที่วางโพนสำหรับหุ้มปักหลักไม้ขนาดสูง๑.๕ เมตร ๔ อัน เป็นรูปสี่เหลี่ยมขนาดกว้างกว่าขนาดโพนเล็กน้อย บากหัวไม้ด้านในเป็นมุม ๙๐ องศาให้เสมอกัน (ถ้าบากไว้ก่อนก็ตอกให้เสมอกัน) เลื่อยหรือตัดไม้กระดานเป็นแผ่นกลมขนาดพอดีกับพื้นที่ระหว่างไม้หลักทั้ง ๔ วางปูลงบนรอยบาก เรียกกระดานนี้ว่า “แป้น” หรือ “พื้น”สำหรับเป็นที่วางโพน ห่างจากหลักไม้ทั้ง ๔ ออกไปราว ๒ เมตร ปักหลักวางราวโดยรอบ ราวจะสูงจากพื้นไม่เกินแนวแป้น และราวแต่ละอันจะตอกสกัดด้วยไม้ง่ามหรือเรียกว่า “สมอบก”อย่างแข็งแรง หาไม้คันชั่งขนาดเท่าข้อมือยาวราว ๒.๕ เมตร ไว้ ๓-๘ อัน และเชือกหวายสำหรับผูก และดึงหนังสักจำนวนหนึ่ง แต่ละเส้นยาวราว ๒ เมตร

วิธีหุ้มโพน

วางโพนบนแป้น ยกหนังมาตัดให้ได้ผืนโตกว่าหน้าโพนโดยกะให้หนังเหลือจากหน้าโพนไว้มากๆ เอาหนังปิดลงบนหน้าโพนนั้น ดูให้หนังรอบๆ หน้าโพนห้อยลงพอๆ กัน ใช้เหล็กหรือปลายมีดแหลมเจาะหนังให้ทะลุเป็นรูเป็นคู่ๆ ห่างกันราว ๒-๓ นิ้ว ใช้ไม้สั้นๆ ขนาดดินสอดำ สอดรูแต่ละคู่ไว้ เสร็จแล้วใช้เชือกร้อยรูแต่ละคู่ผูกเป็นบ่วง

ดามยาวเสมอขอบแป้น ใช้ไม้คันชั่งสอดบ่วงขัดปลายไม้ด้านในไว้กับแป้นปลายไม้ด้านนอกดึงกดลงเอาเชือกผูกขีดไว้กับราวซึ่งมีสมอบกยึด การดึงไม้คันชั่งพยายามให้แต่ละอันดึงหนังตึงพอๆ กันจากนั้นตากลมทิ้งไว้ คอยชโลมน้ำและตีเป็นระยะๆ เพื่อให้หนังยืดตัว ทุกครั้งที่ชโลมน้ำและตีพยายามดึงไม้คันชั่งให้ดึงหนังให้ตึงที่สุดเท่าที่จะเป็นได้ ทำเช่นนี้ราว ๒-๓ วัน พอเห็นว่าหนังตึงได้ที่แล้ว ก็นำปลอกหวายสวมทับลงไป ตอกปลอกให้ลดต่ำอยู่ใต้ระดับรูลูกสัก ใช้เหล็กเจาะหนังตรงรูลูกสักให้ทะลุแล้วใส่ลูกสักให้ตะขอหงายขึ้นบน ตอกอัดลูกสักให้แน่นทุกรู ปลดไม้คันชั่งออก ตัดหนังระหว่างปลอกกับลูกสักโดยรอบ เอาหนังส่วนที่ตัดออก เป็นอันเสร็จการหุ้มโพนไป ๑ หน้า หน้าต่อไปก็หุ้มเช่นเดียวกัน เสร็จแล้วนำไปแขวนตามจุดที่ต้องการ ถ้าจะวางตีก็ใส่ขา ๒ ขา โดยทำขาคล้ายซี่ฟากขนาดโตเท่าหัวแม่เท้า ๒ อัน ยาวกว่ากลองเล็กน้อยสอดเข้าใต้ปลอกด้านหนึ่งให้ห่างกันราว ๕ นิ้ว ปลายให้รวบ สอดที่ปลอกบน

แข่งโพน

การแข่งโพน แบ่งได้ ๒ อย่าง คือ

๑. การแข่งขันมือ (ตีทน) การแข่งขันแบบนี้ไม่ค่อยนิยมเพราะต้องใช้เวลานาน แข่งขันจนผู้ตีมืออ่อนหรือผู้ตีหมดแรงจึงจะตัดสินได้

๒. การแข่งเสียง การแข่งแบบนี้เป็นที่นิยมกันมากในปัจจุบัน เพราะใช้เวลาสั้นๆ ก็สามารถคัดเลือกผู้ชนะได้การแข่งโพน ส่วนมากจะเริ่มในปลายเดือน ๑๐ และสิ้นสุดในวันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๑๑ ซึ่งเป็นวันชักพระแข่งขันกันวันไหน สถานที่ใด แล้วแต่คู่แข่งขันจะตกลงกันและนิยมแข่งขันกันในเวลากลางคืน ถ้าหากมีโพนหลายคู่การแข่งขันจัดเป็นคู่ๆ โดยแต่ละฝ่ายใช้ผู้ตีคนเดียว โดยเริ่มจากการตีลองเสียงว่า โพนใบไหนเสียงใหญ่ และใบไหนเสียงเล็กกรรมการจัดไว้เป็น ๒ ชุด สำหรับควบคุมมิให้ผู้เข้าแข่งชันเปลี่ยนคนตีชุดหนึ่ง และเป็นกรรมการฟังเสียง ซึ่งมีราว ๓-๕ คน อีกชุดหนึ่ง กรรมการชุดหลังนี้จะอยู่ห่างจากที่ตีไม่ต่ำกว่า ๑๕๐ เมตร เพื่อฟังเสียงและตัดสินว่า โพนลูกใดดังกว่ากัน

การเล่นหลักโพนจะมีคืนสำคัญอยู่คืนหนึ่ง คือคืนก่อนวันชักพระในวันออกพรรษา จะมีการแข่งขันถือเอาแพ้ชนะกันในคืนนั้น เมื่อแข่งขันแล้วฝ่ายใดแพ้จะเลี้ยงฝ่ายชนะด้วยอาหารคาวหวานในวัดของฝ่ายผู้แพ้ในวันแรม ๑ ค่ำ หลังพระกลับสู่วัดแล้ว เพื่อความสนุกสนานและสามัคคีกันทั้ง ๒ ฝ่าย

คำสำคัญ
โพน
สถานที่ตั้ง
สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดพัทลุง
ตำบล คูหาสวรรค์ อำเภอ เมืองพัทลุง จังหวัด พัทลุง
รายละเอียดการเข้าถึงข้อมูล
สารานุกรมวัฒนธรรมไทย ภาคใต้ เล่ม ๑๑ (๕๕๗๑).กรุงเทพ.บริษัท สยามเพรส แมเนจเม้นท์ จำกัด.
บุคคลอ้างอิง นางสาวธิดา ส่งไข่
ชื่อที่ทำงาน สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดพัทลุง
ตำบล คูหาสวรรค์ อำเภอ เมืองพัทลุง จังหวัด พัทลุง รหัสไปรษณีย์ 93000
โทรศัพท์ ๐๗๔๖๑๗๙๕๘ โทรสาร ๐๗๔๖๑๗๙๕๙
เว็บไซต์ https://www.m-culture.go.th/phatthalung/main.php?filename=index
แสดงความคิดเห็น
โปรด เข้าสู่ระบบ ก่อนทำการแสดงความคิดเห็น

ชื่อผู้ใช้
รหัสผ่าน
ยังไม่มีการแสดงความคิดเห็น
ข้อมูลที่แสดงในระบบนี้ จัดเก็บโดยนักวิชาการวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม หากมีข้อเสนอแนะหรือข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อวัฒนธรรมจังหวัด
       ข้อมูลนี้เป็นประโยชน์หรือไม่