วิหาร ชาวมอญเรียกเป็นภาษารามัญว่า “ปากี” ลักษณะเป็นอาคารไม้ทรงไทยสร้างอยู่บนฐาน ก่ออิฐถมดิน 2 ชั้น ชั้นล่างขนาดกว้างยาวด้านละประมาณ 40 เมตร สูง 80 เซนติเมตร ฐานชั้นที่สองเป็นฐานอิฐก่อ ลักษณะของอิฐมีขนาดค่อนข้างใหญ่ ขนาดกว้างยาวด้านละ 22.5 x 23.4 เมตร สูง 2.80 เมตร ฐานก่ออิฐสี่เหลี่ยมนี้เดิมมีผู้จะสร้างเป็นพระสถูปเจดีย์มอญขนาดใหญ่แบบพระมุเตาขึ้น เพื่อให้เป็นประธานของวัด แต่การก่อสร้างไม่แล้วเสร็จ จึงเหลือให้เห็นแค่ฐานพระสถูปอิฐรูปสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ ต่อมามีการสร้างวิหารขึ้นบนฐานเป็นอาคารไม้ทรงไทย หลังคาเครื่องไม้มุงกระเบื้อง ช่อฟ้าใบระกาปูนปั้น หน้าบันปูนปั้นบนแผ่นไม้ ผนังอาคารโล่งทั้งสี่ด้าน ภายในวิหารประดิษฐานพระพุทธรูปปางไสยาสน์ ประทับบนบัลลังก์ที่พนักบัลลังก์ประดับกระจกสีน้ำเงิน องค์ที่สองเป็นพระพุทธรูปสำริด ปางประทานพร ครองจีวรห่มเฉียงเป็นริ้ว ที่พระเศียรมีเครื่องประดับคล้ายพระพุทธรูปในศิลปะพม่า ด้านหน้ามีรูปปั้นอุบาสกชาวมอญ 2 คน ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นประติมากรรมเล่าเรื่อง พุทธประวัติ ตอนหลังจากที่พระพุทธองค์ตรัสรู้ แล้วได้ประทานพระเกศาให้แก่พ่อค้า 2 คน คือ ปาลิยะภัทรลิกะ เป็นพุทธประวัติตอนหนึ่งที่ชาวมอญ - พม่านิยมกันมาก โดยมีเรื่องเล่าว่าต่อมาพ่อค้าทั้งสองได้นําพระเกศาธาตุนั้น ไปบรรจุไว้ในการสร้างพระเจดีย์ชเวดากอง ส่วนพระพุทธรูปองค์ที่สามเป็นพระพุทธรูปสําริดปางสมาธิ ครองจีวรห่มเฉียงเป็นริ้วสมัยรัตนโกสินทร์ แบบศิลปคันธารราฐ
วิหารปากี อยู่ในวัดใหญ่นครชุมน์ อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี ประวัติความเป็นมาของสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ ชาวบ้านเรียกกันมาช้านานแล้วว่า ปากี ซึ่งอยู่เป็นศักดิ์ศรีแก่ชาวบ้านนครชุมน์มาประมาณ 300 ปี ได้ตั้งสมมุติฐานไว้ 2 ประการคือ
1.สร้างไว้เพื่อเป็นเชิงเทินสอดส่องระวังข้าศึก ในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ตอนต้นได้เกิดศึกสงครามระหว่างไทยกับพม่า ที่เรียกกันว่าสงครามเก้าทัพ ท้าวพระยามอญทั้งหลายที่ได้เข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภาร พระมหากษัตริย์ไทย เมื่อครั้งรามัญพ่ายแก่พม่า ได้ขันอาสามาประจำหัวเมืองชายแดน เพื่อค่อยสกัดกันข้าศึก ไม่ให้เข้าถึงกรุงได้โดยง่าย จึงได้สร้างเชิงเทินนี้ไว้
2. สันนิษฐานว่า ชาวมอญที่อพยพมาอยู่บริเวณนี้ได้สร้างไว้เพื่อที่จะสร้างองค์พระเจดีย์จำลองพระธาตุมุเตา แต่สร้างไม่สำเร็จ จึงได้แต่ส่วนที่เป็นฐานเท่านั้น (พระธาตุมุเตาเป็นสัญลักษณ์เจดีย์ที่บรรจุพระบรมอัฏฐิของพระพุทธเจ้าที่ชาวมอญให้ความเคารพและศรัทธามาก จึงคิดที่จะจำลองเอาไว้เพื่อระลึกถึงบ้านเกิดเมืองนอน) ลุล่วงมาจนถึงปัจจุบันนี้ น่าจะมีอายุราว 300 กว่าปี