ว่าวดุ๊ยดุ่ย
เป็นชื่อเรียกของว่าวอีกชนิดหนึ่ง ซึ่งเป็นที่รู้จักไม่แพ้ ว่าวจุฬา ว่าวปักเป่า ที่เราคุ้นหู และว่าวดุ๊ยดุ่ย จะมีลักษณะคล้าายกับ ว่าวจุฬามาก หากแต่ว่าจะต่างกันตรงที่ว่า ดุ๊ยดุ่ยมีขากบเป็นรูปเดียวกับปีก ติดอยู่ซ้อนกัน ส่วนด้านบนจะใหญ่ แต่ด้านล่างจะเล็ก ตอนล่างสุด มีไม้ขวางอีกอันหนึ่ง สำหรับผูกหาง ซึ่งจะมีด้วยกันสองหางเพื่อช่วยในการทรงตัวในขณะที่ลอยอยู่ในอากาศ ที่ส่วนหัวของว่าวดุ๊ยดุ่ยจะผูกธนู หรือ สะนู หรือ อูด ซึ่งเป็นลักษณะคันเหมือนธนู ทำด้วยไม้ไผ่ เจาะรู ให้เป็นสี่เหลี่ยม อยู่กลางคันให้พอดีกับเดือยสี่เหลี่ยมที่ยื่นออกมา ส่วนตัวกลางที่ทำให้เกิดเสียงนั้น ก็จะใช้ไม้ไผ่หรือหวาย เหลาให้เป็น แผ่นบาง ๆ แล้วเอาปลายเชือกสองข้างผูกติดปลายเมื่อว่าวขึ้นไปลอย อยู่บนอากาศ ไม้ไผ่หรือหวายแผ่นบาง ๆ ที่ถูกขึงอยู่นั้น เมื่อมีลมมาปะทะด้วย ก็จะทำให้เกิดเสียงดังตุ๊ยตุ่ย ตลอดเวลา ว่าวดุ๊ยดุ่ยจะเคลื่อนตัวช้า แต่สง่างาม การทำดุ๊ยดุ่ยอย่างพิถีพิถันจะช่วยทำให้ว่าวที่ติดดุ๊ยดุ่ยมีเสน่ห์ ทางเสียงมากยิ่งขึ้น และหากเป็นว่าวที่ต้องแข่งขันด้วยเสียงแล้ว ดุ๊ยดุ่ย ยิ่งเป็นสิ่งสำคัญยิ่งนักในการจะเอาชนะคู่แข่ง จังหวัดจันทบุรี ตำบลพลับพลา อำเภอเมืองจันทบุรี ยังคงมีการ อนุรักษ์การทำและจัดแข่งขันเสียงอูดว่าวดุ๊ยดุ่ย เพื่อเป็นการอนุรักษ์ ว่าวโบราณ มาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในปี ๒๕๖๒ การแข่งขันเสียงว่าวดุ๊ยดุ่ย ได้ขึ้นบัญชีมรดก ภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม ประเภทการละเล่นพื้นบ้าน