ชุมชนเขานางสางหัวเดิมเป็นที่ตั้งถิ่นฐานของผู้คนในสมัยก่อนประวัติศาสตร์อายุมากกว่า2500 ปี มีหลักฐานสำคัญคือพบเครื่องมือขวานหิน และเครื่องมือหินกะเทาะ กระจัดกระจายอยู่ในพื้นที่ ในสมัยทวารวดี (หลัง พ.ศ.1000) เส้นทางการค้าทางทะเลจีน-อินเดียได้เปลี่ยนแปลงไปทำให้ผู้คนเคลื่อนย้ายไปตั้งถิ่นฐานใกล้ลำน้ำท่าจีน-จระเข้สามพันมากขึ้น ชุมชนเขานางฯ คงร้างไปในช่วงเวลานี้ ในสมัยลพบุรี ตอนปลาย(หลัง พ.ศ.1700 – 1800) มีผู้คนมาตั้งหลักแหล่งอีกครั้ง เพื่อฟื้นฟูเส้นทางทรัพยากรแร่ธาตุ และของป่าที่มีอยู่สำหรับใช้ส่งออกไปยังหัวเมืองต่างๆด้วยพบหลักฐานว่ามีชุมทางการค้าใหญ่เกิดขึ้นในบริเวณใกล้เคียงคือบ้านหนองเรือ ที่ขุดพบพระนาคปรกสำริด พระพุทธรูปปางประทานอภัยสำริด พระอุมาสำริด ฯลฯ
ในสมัยอยุธยา (หลัง พ.ศ. 1900 - 2300) ชุมชนมีความเจริญ มีผู้คนมาอยู่อาศัยเพิ่มขึ้น ด้วยพบเศษภาชนะดินเผากระจัดกระจายอยู่ในพื้นที่นอกจากนี้ ยังมีศาสนสถานสำคัญในบริเวณใกล้เคียงกันคือ วัดโบสถ์เก่าจิกด่านซึ่งเป็นวัดในสมัยอยุธยาตอนต้น
ชุมชนเขานางสางหัว อ.เลาขวัญ จ.กาญจนบุรี ตั้งอยู่เชิงเขานางสางหัว ริมลำห้วยอันเป็น ลำน้ำสาขาของคลองหมื่นเทพสันนิษฐานว่า มีผู้คนอยู่อาศัยในชุมชน 2 ยุคสมัยคือ ยุคก่อนประวัติศาสตร์ และยุคประวัติศาสตร์ชุมชนเขานางฯ ยังมีตำนานกล่าวถึงนางผู้หนึ่ง ต่อมาเรียกว่า พระนางกาญจนารี(พระนางสางหัว)เล่าว่า พระนางฯ เป็นลูกหลานพญาลิไทยในราชวงศ์พระร่วง (พ.ศ.1890 – 1911)ได้สมรสกับแม่ทัพนายกองในราชวงศ์สุวรรณภูมิ พระนางฯ มาประทับอยู่ที่เขานางสางหัวและนั่งแต่งตัวหวีผม (สางหัว) เพื่อรอคอยคนรักที่ไปรบกับพม่าแต่แม่ทัพไม่กลับมา สุดท้ายพระนางฯจึงสิ้นพระชนม์ ณ เขาลูกนี้
โรงเรียนบ้านเขานางสางหัว คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน และชุมชนบ้านเขานางสางหัว ได้ร่วมใจกันจัดสร้างองค์พระนางกาญจนารี เพื่อเป็นอนุสรณ์สถาน ประวัติศาสตร์สำคัญให้สืบทอด เป็นประวัติสาสตร์ชุมชน ที่ไม่ควรลืม ได้ทำพิธีบวงสรวง องค์พระนางฯ พร้อมสร้างศาลพระภูมิเจ้าที่ให้ใหม่ สร้างองค์พระไว้หน้าเสาธง ในวันที่23 มิถุนายน 2556และเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ.2560 ตามโครงการบูรณะพลัดถิ่นบ้านเขานางสางหัว ได้ทำพิธีบวงสรวงแม่ทัพนายกอง และจัดสร้างองค์แม่ทัพ นายกอง ให้สืบทอดเป็นตำนานชุมชนที่ไม่ควรลืม