ลิเก หรือ ดิฮูลู มาจากคำว่า “ซีเกร” ซึ่งหมายถึงการอ่านทำนองเสนาะ ส่วนคำว่า “ฮูลู” แปลว่าใต้หรือทิศใต้ ซึ่งรวมความแล้วหมายถึงการขับบทกลอนเป็นทำนองเสนาะจากทางใต้
ดิเกฮูลู คณะลาแยปูเตะเป็นคณะหนึ่งที่รวมตัวกันมายาวนาน จากรุ่นสู่รุ่นจนถึงปัจจุบัน ได้นำศิลปะการแสดงดิเกฮูลู มาสร้างความสนุกสนานให้กับผู้ที่ได้รับฟัง โดยนำมาประยุกต์กับศิลปะการแสดงสมัยใหม่เพื่อให้ทันสมัยมากขึ้น และได้เข้าร่วมแสดงกับคณะต่าง ๆ ในพื้นที่ ซึ่งจัดแสดงในพิธีการแต่งงาน พิธีเข้าสุนัต และตามฤดูการต่าง ๆ ของพื้นที่ ในพื้นที่จังหวัดนราธิวาสและจังหวัดใกล้เคียง
องค์ประกอบ: การแต่งกายของผู้เล่นดิเกฮูลู สมัยก่อนมักแต่งกายชุดพื้นบ้านทั่วไป คือ โพกหัว สวมเสื้อคอกลม นุ่งโสร่ง บางครั้งเหน็บขวานไว้ข่มขวัญคู่ต่อสู้ ต่อมามีการแต่งกายแบบเล่นสิละ (ศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัวของชาวใต้) คือนอกจากจะนุ่งกางเกงขายาวธรรมดาเหมือนแต่เดิม ก็นุ่งผ้าโสร่งซอเกตลายสวยสดทับข้างนอกสั้นเหนือเข่าเข้าไปอีกชั้นหนึ่ง พร้อมกับมีผ้าลือปะคาดสะเอว นอกนั้นก็สวมเสื้อคอกลมมีผ้าโพกศีรษะเหมือนเดิม ปัจจุบันนิยมแต่งกายแบบสมัยนิยม หรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับการออกแบบของแต่ละคณะให้มีสีสันสดใสสะดุดตา
ส่วนประกอบ
๑. รำมะนาใหญ่ ๒. รำมะนาเล็ก ๓. ฆ้อง ๔. ฉิ่ง ๕. ฉาบ
๖. โม่ง ๗. ลูกแซก ๘. รำมะนาคู่ ๙. นักร้องหญิง ๑๐.นักร้องชาย
จุดเด่นของดิเกฮูลู
ดิเกฮูลูคณะหนึ่งๆ จะมีสมาชิกประมาณ ๑๐ กว่าคน เป็นชายล้วน เป็นผู้ขับร้องต้นเสียง ๑ - ๓ คน ที่เหลือจะเป็นลูกคู่ และอาจมีนักร้องภายนอกวงมาสมทบร่วมสนุกอีกก็ได้บทกลอนที่ใช้ขับร้องนั้น เรียกเป็นภาษามลายูท้องถิ่นว่าปันตน หรือปาตง เวลาแสดงใช้ขับกลอนโต้ตอบ ไม่ได้แสดงเป็นเรื่องราวดังเช่นการละเล่นพื้นบ้านอย่างอื่น เช่น มะโย่ง หรือมโนห์ราการแต่งกาย