หลวงพ่อแก่น ประดิษฐานเป็นพระพุทธรูปอยู่ในอุโบสถวัดกำแพงมณี เป็นวัดเก่าแก่สมัยกรุงศรีอยุธยา แต่เดิมเป็นวัดร้าง พระพุทธรูปหลวงพ่อแก่นองค์นี้ มีความเก่าแก่คู่มากับวัด ขนาดหน้าตัก ๕ ศอกเศษ ปรางสมาธิมือซ้ายทับมือขวาเป็นพระพุทธรูปสมัยอู่ทอง โครงสร้างองค์พระพุทธรูปทำด้วยแก่นไม้สีดำ ปูนที่ปั้นกะเทาะออก เนื่องจากความเก่าแก่มองเห็นแต่แก่นไม้สีดำ พุทธศาสนิกชนจึงเรียกว่า “หลวงพ่อแก่น” เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ และเป็นที่สักการะของคนบ้านใกล้บ้านไกล ตั้งแต่เดิมจนกระทั่งปัจจุบันนี้ นับถือหลวงพ่อแก่น ว่าเป็นเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ และมีความอัศจรรย์เป็นพิเศษประกอบด้วยอภินิหารและสามารถดลบันดาลช่วยเหลือได้ หลายอย่างหลายประการ เป็นต้นว่าถ้าผู้ใดเจ็บไข้ป่วยหนัก อาการเพียบเป็นที่หนักใจของหมอและญาติ เมื่ออาราธนาให้หลวงพ่อแก่นช่วยบำบัดปัดเป่าก็ทุเลาเบาคลายกลับรอดไปได้ เป็นจำนวนมาก ผู้ใดมีความทุกข์ร้อนหรือเศร้าโศกเสียใจ เป็นที่บีบครั้นทรมานมากๆ ไปหาหลวงพ่อแก่นอาบน้ำมนต์ กินน้ำมนต์ของท่านบ้าง ก็มักสร้างเซาบรรเทาทันตาเห็น จิตใจกลับร้าเริงแจ่มใส เบิกบาน
สามารถประกอบสัมมาอาชีพของตนต่อไปได้อย่างเป็นปกคติ อีกประการหนึ่งพุทธสาสนิกชนนิยมบนบานหรือขอพรหลวงพ่อแก่นให้ช่วยเหลือในเรื่องต่างๆก็ประสบความสำเร็จและแก้บนด้วยละครชาตรีเสมอ แม้แต่วัตถุมงคลคราวกรุแตกก็เป็นที่นิยมของคนทั่วไป เช่นพระเมฆพัด
ประวัติ
วัดกำแพงมณี หรือวัดหลวงพ่อแก่นนี้ เมื่อครั้งยังเป็นวัดร้างอยู่ คือเมื่อราว พ.ศ ๒๔๓๖ มีกุฎิหลังคามุงแฝกอยู่หลังหนึ่ง มีโคกโบสถ์ร้าง มีพระพุทธรูปปูนปั้นเก่าแก่อยู่องค์หนึ่ง เป็นพุทธรูปปูนปั้น ประดิษฐานอยู่ข้างเจดีย์เก่าๆ ปัจจุบันบูรณะอยู่หลังอุโบสถ ต่อมา พ.ศ. ๒๔๔๘ ขุนสิงห์ วิเศษสุขเป็นผู้ริเรื่มปฏิสังขรณ์วัด สืบต่อมาจนถึงปัจจุบัน โดยมีพระอธิการศิริ สิริจนฺโท ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดกำแพงมณี