วัดจะทิ้งพระ ตั้งอยู่เลขที่ 14 บ้านจะทิ้งพระ ถนนเขาแดง-ระโนด หมู่ที่ 4 ตำบลจะทิ้งพระ อำเภอสทิงพระ จังหวัดสงขลา สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย มีที่ดินที่ตั้งวัดเนื้อที่ 8 ไร่ 55 ตารางวา พื้นที่ตั้งวัดเป็นที่ราบฝั่งทะเลอ่าวไทย อยู่ใกล้ที่ว่าการอำเภอสทิงพระ ตั้งอยู่ท่ามกลางชุมชน สำหรับปูชนียวัตถุมีพระพุทธไสยาสน์ปางอนุฎฐานไสยาสน์หรือที่เรียกว่าแบบสีหไสยาสน์ ยาว 14 เมตร มีพระนามว่า “พระเชตุพนพุทธไสยาสน์” ชาวบ้านเรียกว่า “พ่อเฒ่านอน” ทุกปีจะจัดงานสมโภชเป็นประจำในวันแรม 1 ค่ำ เดือน 6 ในงานนี้ต้องมีมโนราห์ 2 โรงประชันกัน เรียกว่า “งานแข่งมโนราห์ไหว้พระนอน” นอกจากนี้ยังมีพระเจดีย์ศรีมหาธาตุ สร้างขึ้นพร้อมกับสร้างวัด พ.ศ. 1482 ผู้สร้างคือพระเจ้ากรงทอง เจ้าเมืองพัทลุง (สทิงพระ) พระเจดีย์องค์นี้บรรจุพระมหาธาตุซึ่งพระครูอโนมาทัสสี อัญเชิญมาจากลังกา ลักษณะพระเจดีย์เป็นแบบลังกา ทรงบัวคว่ำ สูง 1 เส้น 1 วา ฐานทรงไม้แปดเหลี่ยมรูปทรงกลมมีขนานเส้นผ่าศูนย์กลาง 11 เมตร และมีเจดีย์องค์ขนาดย่อมอีกองค์หนึ่ง เล็กกว่าพระเจดีย์ศรีมหาธาตุครึ่งหนึ่ง วัดจะทิ้งพระ สร้างขึ้นเป็นวัดนับตั้งแต่วันพฤหัสบดี ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8 เอกศก พ.ศ. 1482 เดิมมีนามว่า “วัดสะทิงพระ” เป็นภาษาเขมรตรงกับภาษาไทยว่า “บึง” หรือ “คลอง” เข้าใจว่าเป็นคำที่เรียกเพี้ยนกันมา ชาวบ้านมักเรียกว่า “วัดสทิงพระ” ตามชื่ออำเภอ ผู้สร้างวัดปรากฏตามพงศาวดารภาคที่ 15 ในหอสมุดแห่งชาติว่าได้สร้างขึ้นในสมัยกรุงศรีวิชัยโดยเจ้าเมืองพัทลุงผู้มีนามว่า “พระเจ้ากรงทอง” สมัยนั้นเมืองพัทลุงตั้งอยู่ที่บ้านจะทิ้งพระ ในปัจจุบันอยู่ทางทิศเหนือของวัด ยังมีคูเมืองกั้นระหว่างวัดกับเมือง เรียกคลองคูเมือง นอกจากได้สร้างวัดขึ้นมาแล้ว พระเจ้ากรงทองยังได้สร้างพระเจดีย์ศรีรัตนมหาธาตุและพระเชตุพนพุทธไสยาสน์ไว้เป็นปูชนียวัตถุที่สำคัญอีกด้วย สมัยกรุงศรีอยุธยาพระเจ้าแผ่นดินได้พระราชทานที่นาให้เป็นที่กับปนาราชูทิศบำรุงวัดตลอดมาถึง พ.ศ. 2482 ทางรัฐบาลได้ออกพระราชกฤษฎีการตัดราชูทิศที่กัลปนาหมดจนทุกวันนี้ วัดจะทิ้งพระ ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาวันที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2474