รูปปั้นสมเด็จพระอริยวงษาญาณ สมเด็จพระสังฆราช(สุก ญาณสังวร)
ที่ตั้งวัดประดู่ ตำบลวัดประดู่ อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม
สมเด็จพระอริยวงษาญาณทรงเป็นสมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ ๔ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ทรงเป็นพระมหาเถระที่ทรงพระเกียรติคุณเป็นที่เลื่องลือพระองค์หนึ่งในยุครัตนโกสินทร์ ทรงพระคุณพิเศษในด้านวิปัสสนาธุระ จนมีพระฉายานามอันเป็นที่รู้กันทั่วไปในหมู่ประชาชนว่า“พระสังฆราชไก่เถื่อน”เพราะทรงสามารถแผ่เมตตาพรหมวิหารธรรมให้ไก่ป่าเชื่องเป็นไก่บ้านได้ สมเด็จพระสังฆราช (สุก) ประสูติเมื่อวันศุกร์ ขึ้น 10 ค่ำ เดือนยี่ ปีฉลู จุลศักราช 1095 พุทธศักราช 2276 นับวันเดือนปีตามคัมภีร์จันทรคติ ประสูติเวลาไก่ขัน (ช่วงไก่กำลังอ้าปาก) การนับเวลาในสมัยกรุงศรีอยุธยา ตรงกับวันศุกร์ที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2276 นับวันเดือนปีตามคัมภีร์สุริยะยาตร์ ภายนอกกำแพงนอกคูเมือง ด้านเหนือของกรุงศรีอยุธยา ในรัชสมัยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ ณ ตำบลบ้านข่อย ปรากฏในหนังสือพระราชพงศาวดารว่า เมื่อครั้งกรุงธนบุรีเป็นพระอธิการอยู่วัดท่าหอย ริมคลองคูจาม (ในพระราชพงศาวดาร เรียกว่า คลองตะเคียน) ในแขวงรอบกรุงเก่า มีพระเกียรติคุณในทางบำเพ็ญสมถภาวนา ผู้คนนับถือมาก เนื่องจาก พระองค์ทรงมีพระวรรณะขาวผ่องใส ไปข้างพระชนก ซึ่งเป็นชาวจีน พระชนก-ชนนีจึงขนานพระนามให้พระองค์ท่านว่า “สุก” มีความหมายว่า ขาว หรือ ใส ในเวลาที่พระองค์ประสูตินั้น ตรงกับยามที่เก้า เรียกว่ายาม “ไก่ขัน” ซึ่งเป็นการนับยามกลางคืน สมัยกรุงศรีอยุธยาซึ่งกะเวลาประมาณได้ 05.48 นาที (เวลาตีห้า สี่สิบแปดนาที) ซึ่งเวลานั้นเป็นเวลาที่พระภิกษุสงฆ์ วัดใกล้เคียงบ้านท่าข่อย เช่น วัดท่าข่อย (ท่าหอย) วัดพุทไธศวรรย์ วัดโรงช้าง กำลังทำวัตรสวดมนต์ตอนเช้ามืดอยู่ เสียงสวดมนต์นั้นลอยลมมาถึงบ้านถ้าข่อย ซึ่งเงียบสงัด กล่าวกันว่า เวลาที่พระอาจารย์สุก ประสูตินั้น พระภิกษุกำลังสวดถึงบท “ชะยะปริตตัง” ตรงคำว่า ชะยันโต โพธิยา มูเล พอดี พร้อมกันนั้น ไก่ป่า ไก่วัด ไก่บ้าน ก็ร้องขันขาน รับกันเซ็งแซ่ กล่าวอีกว่า ขณะที่พระองค์ประสูตินั้น ไก่ป่า ไก่บ้าน ไก่วัด พอถึงเวลาใกล้ยามไก่ขัน (ประมาณ 05.10 น.) ได้โบยบินมาในต้นไม้ใหญ่ ที่ใกล้บ้านมารดา-บิดา ของพระอาจารย์ พอถึงเวลายามไก่ขัน ไก่ป่า ไก่วัด ไก่บ้าน ทั้งสิ้น ได้พากันร้องขันขาน กันเซ่งแซ่ กลบเสียงพระสงฆ์สวดมนต์เวลาเช้ามืด แต่วันนี้ ไก่ทั้งสิ้น พากันร้องขานขัน กันนานกว่าทุกวัน ที่เคยได้ยินมาแต่ก่อน นับเป็นที่น่าอัศจรรย์ยิ่งนัก