วัดบ้านอ่าง เป็นวัดในพระพุทธศาสนานิกายมหายาน ได้รับการประกาศตั้งวัดเมื่อ พ.ศ.2454 และได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อ พ.ศ.2508 อยู่ในเขตปกครองสงฆ์อำเภอมะขาม ตำบลมะขามเขต 1 ปัจจุบันมี พระครูสุจิตกิตติวัฒน์ (กิตติ สุจิตฺโต) เป็นเจ้าอาวาส

วัดบ้านอ่าง เป็นศูนย์รวมจิตใจของพุทธศาสนิกชนในพื้นที่ เป็นหน่วยเผยแผ่ทางพระพุทธศาสนา เป็นแหล่งจัดกิจกรรมทางศาสนาและวัฒนธรรมของพื้นที่ เป็นสถานที่พบปะถ่ายทอดความรู้อีกทั้งเป็นศูนย์กลางการจัดกิจกรรมต่าง ๆ ทางสังคม

วัดบ้านอ่าง โทร. 039-413226 , 087-1310592

จากเว็บไซต์วัดบ้านอ่าง (อ่างคีรี) ได้กล่าวประวัติของวัดไว้ดังต่อไปนี้

จากคำบอกเล่าของผู้มีอายุสูงสุดในหมู่บ้านนี้ คือ นายชุม รสเกษร ให้การว่าตั้งแต่จำความได้ก็เห็นวัดอ่างคีรีตั้งอยู่แล้ว บัดนี้ นายชุม อายุ ๙๔ ปี วัดนี้จะสร้างมาก่อนอย่างแน่นอนเดิมนั้นอาจจะสร้างเป็นสำนักสงฆ์ก่อน จนกระทั่งสร้างพระอุโบสถขึ้น และมีการ ผูกพัทธสีมา – ต้องขอพระราชทานวิสุงคามสีมา จากพระเจ้าแผ่นดินจึงจะเป็นการถูกต้องพร้อมนั้นทางผู้รับผิดชอบฝ่ายศาสนา ( สมัยนั้นยังไม่ได้ตั้งกรมศาสนา ) ก็จะได้จารึกไว้เป็นหลักฐานว่า วัน เดือน ปี อะไรเป็นวันพีธี แต่มิได้บันทึกลงไปว่าวัดนี้สร้างเมื่อใด ผู้เขียนจึงได้อัญเชิญใบพระราชทาน ของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว มาลงไว้ทั้งต้นฉบับเพื่อให้ผู้อ่านได้ทราบข้อเท็จจริง เป็นการประดับปัญญา

มีพระราชโองการประกาศไว้แก่ชนทั้งปวงว่า ที่เขตรพระอุโบสถ วัดอ่างคีรี ต. มะขาม ท้องที่อำเภอท่าหลวง แขวงเมืองจันทบุรี ยาว ๙ วา ๒ ศอก กว้าง ๖ ๒ ศอก นายหวน ได้ให้กราบบังคมทูลพระกรุณาขอเป็นที่วิสุงคามสีมา พระเจ้าแผ่นดินสยามได้ทรงยินดีอนุโมทนาอนุญาตแล้ว โปรดให้กรรมการปักกำหนดให้ตามประสงค์ทรงพระราชอุทิศที่นั้นให้เป็นที่วิสุงคามสีมา ยกเป็นแผนกหนึ่งต่างหาก จากพระราชอาณาเขตเป็นที่วิเศษสำหรับพระสงฆ์มาแต่จตุรทิศทั้งสี่ ทำสังฆกรรมมีอุโบสถเป็นต้น

พระราชทานตั้งแต่ ณ วันที่ ๒๗ มิถุนายน รัตนโกสินทร์ศก ๑๓๐ พระพุทธศาสนากาล ๒๔๕๔ พรรษา เป็นวัดที่ ๒๒๙ ในรัชกาลปัจจุบันนี้ ฯ

ปรเมนทร์มหาวชิราวุธ

การสร้างโบสถ์และพระประทาน

อุโบสถหลังใหม่นี้มีความกว้าง ๑๐ เมตร ยาว ๒๔ เมตร วางศิลาฤกษ์เมื่อ วันที่ ๑๔ มกราคม พ.ศ. ๒๕๐๕ ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา ที่ จ.บ. ๑๘๖ / ๙๘๒ ลงวันที่ ๑๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๐๘ กำหนดเขตว้าง ๔๐ เมตร ยาว ๘๐ เมตร โดยมีพระเดชพระคุณท่านเจ้าคุณจันทกวี ( อดีตเจ้าคณะจังหวัดจันทบุรี ) เป็นองค์อุปถัมภ์ พระครูหวัด สุมโน ( อดีตเจ้าอาวาส ) และพระใบฎีกาดรุณ สุเมโธ ( รองเจ้าอาวาส ) เป็นผู้อำนวยการสร้างหลังจากวางศิลาฤกษ์แล้ว ก็เริ่มลงมือก่อสร้างกันเรื่อยมาจนถึง พ.ศ. ๒๕๐๘ พระครูหวัด สุมโน ก็อาพาธและถึงกาลมรณะในปีนั้น การก่อสร้างขณะนั้นได้มุงหลังคาและจับอิฐถือปูนขอบผนัง ประมาณ ๒๕ เปอร์เซ็นต์ ใน ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ ของการก่อสร้าง การมรณะของเจ้าอาวาสครั้งนี้จึงยังความเศร้าสลดมาให้แก่บรรดาศิษยานุศิษย์และญาติมิตรผู้ที่คุ้นเคยเคารพนับถือในท่านเป็นอย่างมาก เพราะท่านจากไปในขณะที่การก่อสร้างอุโบสถยังกำลังคั่งค้างอยู่ ต่อมาพระใบฎีกาดรุณ สุเมโธ

ก็รับภาระในการก่อสร้างอุโบสถนี้แทน เพียงแต่การสร้างพระอุโบสถอย่างเดียวก็หาไม่ ยังต้องทำหน้าที่แทนเจ้าอาวาส คือ ให้การแนะนำพร่ำสอนพระปริยัติธรรมแก่บรรดาอันเตวาสิกและสหะธรรมิกที่อยู่ในวัดโดยทั่วกันอีก แม้กระนั้นการก่อสร้างก็ไม่ได้หยุดเลยคงยังทำกันอยู่เรื่อยมาจนถึง พฤศจิกายน ๒๕๐๙ ก็ได้ให้มีงานยกช่อฟ้าพร้อมกับกระทำการฌาปนกิจศพพระครูหวัด สุมโน ในปีนั้นด้วยหลังจากเสร็จการยกช่อฟ้าแล้ว ก็ดำเนินการก่อสร้างกันด้วยดีตลอดมา ทุนทรัพย์ที่ใช้จ่ายในการนี้ก็อาศัยในหมู่บ้านอ่างเป็นหลัก และได้รับความสนับสนุนจากพระเดชพระคุณท่านเจ้าคณะจังหวัด รวมทั้งหน่วยราชการด้วยมีท่าน พ.ต.อ. ยศ ลาภหลาย ผู้กำกับตำรวจภูธรจังหวัดจันทบุรี และนายเผียน อยู่รอด ท่านนายอำเภอมะขาม ตลอดจนพ่อค้าประชาชนด้วยได้เห็นความร่วมมือช่วยกันบำรุงการก่อสร้างครั้งนี้เป็นอย่างดี ต่อมาวันที่ ๒ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๑๐ พระใบฎีกา ดรุณ สุเมโธ ได้รับตราตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดบ้านอ่าง เรื่องการก่อสร้างก็กระทำกันเรื่อยมาและแล้วเสร็จในปี พ.ศ. ๒๕๑๒ สิ้นค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างประมาณ ๙๗๐,๐๐๐.๐๐ บาทเศษ และในวันที่ ๑๘ – ๒๒ มกราคม พ.ศ. ๒๕๑๔ ได้จัดมีงานฝังลูกนิมิตขึ้นขณะที่มีงานฝังลูกนิมิตนี้คืนวันหนึ่ง นายแพทย์สวัสดิ์ ศรีสมทรัพย์ พร้อมด้วยครอบครัวมีโอกาสได้ไปปิดทองฝังลูกนิมิตก็เกิดกุศลจิต ความปิติบวกกับปุพพเจตนามีศรัทธาอย่างแรกกล้าจึงปวารณาไว้ และในโอกาสต่อมาได้เป็นกำลังใหญ่ โดยเป็นผู้ริเริ่มการหล่อพระประธานองค์ใหม่ โดยมีความกว้างของพระเพลา ๓ ศอก ๙ นิ้ว พร้อมพระโมคอารี ศรีสมทรัพย์ คุณสมคิด วัชรัมพร นายเกรียม แต้มทอง ได้เป็นกำลังใหญ่พร้อมกับชาวบ้านอ่างและศรัทธาของสาธุชนชาวจันทบุรี ร่วมบริจาคปัจจัยในการหล่อพระประธานมูลค่า ๕๐,๐๐๐๐๐ บาท พระอรรคสาวก ๑๔,๐๐๐๐๐ บาท รวม ๖๔,๐๐๐๐๐ บาท เริ่มเททองเมื่อวันอาทิตย์ที่ ๒๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๑๕

ที่มา http://www.watbanang.com