ประวัติวัดเกียรติแก้วสามัคคี
วัดเกียรติแก้วสามัคคี ตั้งอยู่บ้านเลขที่ 1 บ้านตะเคียนเหนือ หมู่ที่ 12 ตำบลศรีแก้ว อำเภอศรีรัตนะ จังหวัดศรีสะเกษ เป็นวัดในสังกัด “คณะมหานิกาย”อยู่ในเขตปกครองคณะสงฆ์ภาค 10 สังกัด คณะสงฆ์หนตะวันออก ที่ดินตั้งวัดมีเนื้อที่ 12 ไร่ 36 ตารางวา โฉนดที่ดินเลขที่ 3059 มีอาณาเขต ของวัดดังนี้
ทิศเหนือ จดหมู่บ้านตะเคียนเหนือ หมู่ที่ 12
ทิศใต้ จดโรงเรียนบ้านศรีแก้ว และหมู่บ้านตะเคียนใต้ หมู่ที่ 2
ทิศตะวันออก จดหมู่บ้านเหล็ก หมู่ที่ 10
ทิศตะวันตก จดหมู่บ้านตะเคียนเหนือ หมู่ที่ 12
วัดเกียรติแก้วสามัคคี ตั้งอยู่ใจกลางหมู่บ้าน ได้รับการอุปภัมภ์บำรุงจากพุทธศาสนิกชน 3 หมู่บ้าน คือ หมู่บ้านตะเคียนใต้ หมู่ที่ 2 (รวมคุ้มโนนคำแก้ว) หมู่บ้านเหล็ก หมู่ที่ 10 และหมู่บ้านตะเคียนเหนือ หมู่ที่ 12 เป็นอย่างดีเสมอมา
วัดเกียรติแก้วสามัคคี ตำบลศรีแก้ว อำเภอศรีรัตนะ จังหวัดศรีสะเกษ ไม่มีใครทราบได้เลยว่าสร้างขึ้นมาเมื่อปีใด แต่สืบทราบจากสมุดบันทึกของพระครูรัตนภูมิพิจารณ์ (ชัด วรญาณโณ) อดีต เจ้าคณะตำบลศรีแก้ว เขียนไว้วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2509 ความว่า...
“เริ่มตั้งแต่ปี พ.ศ. 2467 เป็นต้นมา โดยมีตระกูล 3 พี่น้องแห่งบ้านตะเคียน หมู่ที่ 2 ได้พากันออกบวชในพระพุทธศาสนาแล้วพากันแยกย้ายไปหาศึกษาเล่าเรียนพระปริยัติธรรมในที่อื่น ๆ บ้าง ที่วัดกลางห้วยเหนือ อำเภอขุขันธ์บ้าง ต่อมาเมื่อได้ความรู้บ้างพอสมควรแล้ว ต่างคนต่างท่านก็คิดอยากจะกลับมาบ้านเกิดเมืองนอนของตน ทั้งนี้เพื่อจะได้ช่วยส่งเสริมสนับสนุนการก่อสร้างถาวรวัตถุในด้านพระพุทธศาสนา ให้เจริญรุ่งเรืองถาวรสืบไป ซึ่งในขณะนั้นก็มีวัดอยู่ 2 วัด เช่นกัน คือวัดศรีแก้ว (วัดศรีโพธิญาณบ้านสระแก้วมะโนมุข) และวัดบ้านตะเคียน (วัดจำปาแดงมะโนมุข)
เมื่อท่านทั้ง 3 พี่น้องกลับมาจากการศึกษาด้วยกันแล้ว ก็มาพำนักที่วัดบ้านตะเคียนก่อน ต่อมาเมื่ออยู่ไปอยู่มาก็คิดเห็นว่า คงจะไม่มั่นคงและถาวรสืบไป จึงพอดีกับทางวัดศรีแก้วเรานี้ ซึ่งมีท่านพระอาจารย์ดอน เป็นเจ้าอาวาสอยู่ก่อนแล้ว แต่ท่านก็คิดจะขอลาสิกขาบทเสียแล้ว ก็มีท่านอดีตกำนันน้อม หาญสิงห์ ซึ่งเมื่อก่อนนี้ก็เป็นครูใหญ่สอนโรงเรียนประชาบาล ประจำตำบลศรีแก้ว ณ ศาลา การเปรียญหลังเก่าของวัดศรีแก้วเรานี้ด้วย มองเห็นต่อไปว่า เมื่อท่านพระอาจารย์ดอน สึกเสียแล้ว ก็จะไม่มีพระอยู่ครอบครองวัดศรีแก้วเรานี้ต่อไป นายน้อม หาญสิงห์ ครูใหญ่โรงเรียนประชาบาล ศรีแก้ว จึงได้ปรึกษาประชุมชาวบ้านทางศรีแก้วนี้ พากันไปขออาราธนานิมนต์ท่าน 3 ตระกูลพี่น้อง ที่อยู่ทางวัดบ้านตะเคียนนั้น มาอยู่ครอบครองการก่อสร้างทางวัดศรีแก้วเรานี้สืบต่อไป เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ท่าน 3 พี่น้อง ก็เลยเห็นดีเห็นชอบตามนั้นด้วย เพราะท่านถือว่ามีหลักฐานมั่นคงดีแล้ว คือ พระอุโบสถหรือโบสถ์เป็นสำคัญ ดังนั้น ท่าน 3 พี่น้อง จึงได้ตกลงปลงใจพากันรับการนิมนต์จากคณะญาติโยมทางบ้านศรีแก้ว แล้วพากันอพยพมาอยู่ที่วัดศรีแก้วเรานี้ ตั้งแต่เมื่อปี พ.ศ. 2467 เป็นต้นมา เมื่อทั้ง 3 ท่าน ได้มาอยู่วัดศรีแก้วนี้แล้ว ท่านพระอาจารย์ดอน ผู้เป็นเจ้าอาวาสองค์เก่านั้น ก็ขอลาสิกขาออกไปเสีย
จึงเป็นอันว่า 3 ตระกูลพี่น้องแห่งบ้านตะเคียน คือ
1. ท่านพระอาจารย์พิมพ์ อินฺทปญฺโญ
2. ท่านพระอาจารย์แรม อินฺทโชโต
3. ท่านพระอาจารย์ปริน เตมิโย
จากสมุดบันทึกของพระครูรัตนภูมิพิจารณ์ (ชัด วรญาโณ) อดีตเจ้าคณะตำบลศรีแก้ว ทำให้สามารถสันนิษฐานได้ว่า...
วัดเกียรติแก้วสามัคคีนี้ เกิดมาตั้งแต่ปีพุทธศักราช 2467 หรือก่อนหน้านั้นก็เป็นได้ มีชื่อเดิมว่า “วัดจำปาแดงมะโนมุข”หรือ “วัดบ้านตะเคียน” เมื่อ 3 ตระกูลพี่น้องกลับมาจากการศึกษาเล่าเรียนจากวัดกลางห้วยเหนือ อำเภอขุขันธ์ ก็มาพำนักที่วัดจำปาแดงมะโนมุข หรือวัดบ้านตะเคียน จากนั้น ก็ได้รับนิมนต์จากชาววัดศรีแก้วไปจำพรรษา ในปีพุทธศักราช 2467 ทำให้วัดจำปาแดงมะโนมุข หรือ วัดบ้านตะเคียน ต้องร้างไปเป็นเวลา 30 ปี ด้วยสาเหตุที่พอสรุปได้ว่า
1. เกิดทุพภิกขภัยข้าวยากหมากแพง ฝนฟ้าไม่ตกต้องตามฤดูกาล
2. พุทธศาสนิกชนมีจำนวนน้อย ไม่มีประชาชนผู้อยู่อาศัยในถิ่นแถบนี้ ซึ่งสมัยแต่ก่อนบริเวณที่ตั้งของวัดเกียรติแก้วสามัคคีนี้ ถือว่าเป็นป่าช้าเก่า เป็นป่าที่น่ากลัว เต็มไปด้วยสัตว์ร้ายนานาชนิด ทำให้พระภิกษุสามเณรไม่มาพักจำพรรษานั่นเอง
3. ไม่มีพระภิกษุเป็นครูอาจารย์ผู้ทรงความรู้อยู่เป็นที่พึ่ง จึงทำให้พระภิกษุ สามเณรที่บวชในสมัยแต่ก่อนนั้น ต้องแสวงหาครูอาจารย์ผู้สอนธรรมนั่นเอง
ในช่วงระยะเวลา 30 ปี แห่งการเป็นวัดร้างไม่มีพระภิกษุสามเณรผู้จำพรรษา วัดศรีแก้วเกิดความเข้มแข็งอย่างมาก มีพระมหาเถระ พระเถระหลายรูปพักจำพรรษาปฏิบัติธรรมที่วัดศรีแก้ว เช่น พระอาจารย์พิมพ์ อินฺทปญฺโญ พระอาจารย์แรม อินฺทโชโต พระอาจารย์ปริน เตมิโย หลวงปู่ถวิน สุวณฺณโชติ พระอาจารย์เมา สิริวุฑฺโฒ (พระครูสิริธรรมมงคล) เป็นต้น จึงเป็นเหตุให้พระมหาเถระในสมัยนั้น เช่น หลวงปู่ถวิน สุวณฺณโชติ ได้ปฏิบัติตามคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าข้อที่ว่า “จรถภิกฺขเว จาริกจรมาโน พหุชนหิตาย พหุชนสุขาย โลกานุกมฺปาย ภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายจงจาริกเที่ยวไปเพื่อประโยชน์เกื้อกูลแก่หมู่ชนเป็นอันมาก เพื่อความสุขแก่มหาชน เพื่ออนุเคราะห์แก่ชาวโลก”
ปีพุทธศักราช 2497 หลวงปู่ถวิน สุวณฺณโชติ ได้เป็นผู้นำเบิกทาง พาชาวบ้านรื้อถอน ถากถาง ในบริเวณสถานที่วัดจำปาแดงมะโนมุข หรือวัดบ้านตะเคียน โดยหลวงปู่จะมาพำนักพักปฏิบัติธรรมกรรมฐานเจริญสมาธิภาวนาเป็นครั้งคราว
ปีพุทธศักราช 2497 ถือว่าเป็นความโชคดีพิเศษของวัดจำปาแดงมะโนมุข หรือวัดบ้านตะเคียน ซึ่งพระสมุห์ชัด วรญาโณ แห่งวัดศรีแก้ว ในตำแหน่ง...ครูสอนพระปริยัติธรรมประจำสำนักศรีแก้ว กรรมการตรวจประโยคนักธรรมชั้นตรี เจ้าคณะตำบลศรีแก้ว, ตูม, สระเยาว์, พระอุปัชฌาย์ กรรมการสงฆ์ อำเภอ แผนกองค์การเผยแผ่อำเภอกันทรลักษณ์ ได้มาจำพรรษาและนำพัฒนาที่วัดจำปาแดงมะโนมุข หรือวัดบ้านตะเคียน พร้อมกับเปลี่ยนชื่อวัดเสียใหม่ว่า “วัดเกียรติแก้วสามัคคี” จึงทำให้วัดเกียรติแก้วสามัคคีมีประวัติศาสตร์ความเป็นมาที่สืบต่อกันมาจนถึงทุกวันนี้