หลวงพ่อดำ วัดบัวแก้วเกษร
รายละเอียดข้อมูล
วัดบัวแก้วเกษร สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ ๕ เมื่อแรกตั้งใน พ.ศ. ๒๔๔๔ ใช้ชื่อว่า“สำนักสงฆ์สำราญสาลี”ต่อมาสมัยพระอธิการตุ๊ด ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา ในปี พ.ศ. ๒๔๖๔ และเปลี่ยนชื่อเป็น“วัดระแหง”จนกระทั่งถึง พ.ศ. ๓๔๘๑ พระอธิการปลื้ม เจ้าคณะตำบลระแหง ได้ขออนุญาตเปลี่ยนชื่อวัดเป็น“วัดบัวแก้วเกษร”
วัดแห่งนี้ เป็นที่ประดิษฐานของหลวงพ่อดำ พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ซึ่งเป็นที่เคารพสักการะของชาวลาดหลุมแก้วและชาวพุทธทั้งหลาย
แต่เดิมนั้น หลวงพ่อดำประดิษฐานอยู่ที่วัดกลาง อ.เมืองฯ จ.นนทบุรี มีพระอธิการกลับ เป็นเจ้าอาวาส ซึ่งท่านเป็นผู้ถวายหลวงพ่อดำและพระพุทธรูปอื่นอีก ๔ องค์ ให้แก่พระครูปราโมทย์ ศีลขันธ์ เจ้าอาวาสวัดบัวแก้วเกษร
พิธีอัญเชิญพระพุทธรูปจัดขึ้นกลางเดือนพฤศจิกายน ๒๔๗๙ เมื่อได้ประกอบพิธีอาราธนาบูชาเรียบร้อยแล้ว จึงได้เซาะถานและยกพระพุทธรูปทั้ง ๕ องค์ เพื่อไปแห่ทางขบวนเรือ ปรากฏว่าพระพุทธรูป ๔ องค์ แตกหักเสียหายไปบ้าง แต่ก็สามารถยกลงเรือได้ ส่วนหลวงพ่อดำนั้น ไม่สามารถยกขึ้นได้ แม้จะใช้จนนวนคนมากกว่าก็ตาม
พระครูปราโมทย์ ศีลขันธ์ จึงสั่งให้ประกอบพิธีอัญเชิญใหม่ คราวนี้สามารถยกหลวงพ่อดำขึ้นได้โดยง่าย และในระหว่างจัดขบวนแห่มานั้น เกิดมีสายฝนโปรยปรายลงมาทั้งที่ไม่ได้ตั้งเค้ามาก่อน
ในการอัญเชิญพระพุทธรูปทั้ง ๕ องค์ ขึ้นจากเรือเพื่อประดิษฐาน ณ วัดบัวแก้วเกษร ปรากฏว่าพระพุทรูป ๔ องค์แรกแตกชำรุดเสียหายจนไม่สามารถประกอบเป็นองค์ได้ ส่วนหลวงพ่อดำสามารถอัญเชิญมาประดิษฐาน ณ พระอุโบสถได้เป็นที่เรียร้อย และต่อมา ทางวัดได้นำรักมาลงทั่วองค์ท่านจนเป็นสีดำสนิท ชาวบ้านจงเรียกท่านว่า“หลวงพ่อดำ”นับแต่นั้นมา
หลวงพ่อดำ ได้แสดงปาฏิหารให้ปรากฏอยู้เสมอ เช่น เข้าฝันเพื่อช่วยรักษาโรค หรือบอกยารักษาโรคให้คนป่วยจนหายดี เข้าฝันบอกให้ชาวนาเลือกปลูกข้าวชนิดนั้น ๆ จึงจะดี ซึ่งก็สัมฤทธิ์ผลตามที่ท่านบอกทุกประการ และในพิธีอัญเชิญท่านจากพระอุโบสถขึ้นไปประดิษฐาน ณ มณฑปที่สร้างใหม่ ในปี ๒๕๑๒ ขณะที่วางองค์ท่านลงบนอาสน์ที่จัดไว้ จู่ ๆ สายฝนก็โปรยลงมาโดยไม่มีวี่แววมาก่อน จนประชาชนแซ่ซ้องกันว่า หลวงพ่อดำท่านมีอภินิหารเป็นที่น่าอัศจรรย์นัก
ความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อดำ ที่ดลบันดาลให้ผู้มากราบนมัสการขอพึ่งบารมีได้สมปรารถนา ชาวบ้านและประชาชนทั่วไปจึงนิยมนำไข่เค็มมาถวายในการแก้บน และในช่วงตรุษจีน บรรดาศิษยานุศิษย์จะจัดพิธีเฉลิมฉลองอย่างยิ่งใหญ่เป็นเวลาเจ็ดวันเจ็ดคืน เป็นประจำทุกปี.