ประวัติวัดกวิศรารามราชวรวิหาร อารามหลวงชั้นตรี ชนิดวรวิหาร
วัดกวิศ (อ่านว่า วัด-กะ-หวิด) มาจากชื่อเก่าของวัดที่มีชื่อว่า “วัดขวิด”
จากพระราชวังนารายณ์ราชนิเวศน์ไปทางทิศใต้ บนถนนเพทราชา เป็นที่ตั้งของวัดกวิศรารามราชวรวิหาร มีเนื้อที่ 14 ไร่เศษ สันนิษฐานว่าเป็นวัดเก่าแก่ที่สร้างขึ้นในสมัยอยุธยา ซึ่งพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 4 แห่งราชวงศ์จักรี ทรงบูรณะปฏิสังขรณ์ และทรงสถาปนาเป็นพระอารามหลวง ชั้นตรีอันดับ 1 ประเภทราชวรวิหาร
ตามประวัติที่ปรากฏในต้นประกาศพระราชทานเปลี่ยนที่วิสุงคามสีมา เมืองลพบุรี ณ วันพุธ เดือน 12 แรม 3 ค่ำ ปีจอ จัตวาศก (พ.ศ.2405) สรุปได้ว่าเมื่อปลายรัชกาลสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ขณะที่สมเด็จพระนารายณ์มหาราชทรงพระประชวรหนัก บรรดาข้าราชบริพารผู้จงรักภักดีในพระองค์ไม่มีความประสงค์ที่จะเป็นข้าในแผ่นดินอื่นจึงได้ขออุปสมบทอุทิศกุศลถวายแด่พระองค์ท่าน สมเด็จพระนารายณ์มหาราชทรงทราบเรื่องก็ทรงอนุญาต พระราชทานผ้าไตรจีวรอัฏฐบริขารพร้อมบรรพชาอุปสมบทแก่ข้าราชบริพารเหล่านั้นในพระราชวัง ทรงถวายพระราชฐานองค์หนึ่งให้เป็นเขตวิสุงคามสีมาเพื่อทำอุปสมบทกรรม หลังจากบวชข้าราชบริพารแล้วก็ไม่ได้มีการไถ่ถอนเขตวิสุงคามสีมาดังกล่าว จึงทำให้มีสภาพวัดอยู่ในวัง
ต่อมาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชดำริว่าการที่มีวัดอยู่ในเขตพระราชฐานนั้นเป็นการไม่สมควร จึงทรงให้ถอนเขตวิสุงคามสีมาออก และทรงเห็นว่าวัดขวิดอยู่ใกล้กับพระราชวังจึงทรงบูรณปฏิสังขรณ์วัดขวิดขึ้นแทน และพระราชทานนามวัดขวิดใหม่ว่า “วัดกรวิศยาราม”(ภายหลังเปลี่ยนเป็นวัดกวิศราราม) ให้เป็นวัดรามัญนิกาย เพื่อจะได้นิมนต์พระรามัญเข้าไปสวดพระปริตรในพระนารายณ์ราชนิเวศน์ และได้ทรงอาราธนาพระสงฆ์รามัญนิกายมาอยู่จำพรรษา วัดนี้จะมีเจ้าอาวาสสืบต่อกันมากี่รูปไม่ปรากฏ แต่เจ้าอาวาสทุกรูปมีสมณศักดิ์เป็น “พระครูรามัญสมณคุณ”ต่อมาเมื่อสมเด็จพระมหาสมณเจ้ากรมพระยาวชิรญาณวโรรส ทรงจัดการปกครองคณะสงฆ์ จึงทรงจัดให้วัดนี้เป็นวัดไทย เนื่องจากหาผู้ทำนุบำรุงพระสงฆ์รามัญนิกายได้ยากขึ้น หลังจากทรงเปลี่ยนแปลงแล้ว วัดกวิศรารามก็เป็นที่จำพรรษาของพระสงฆ์ไทยมหานิกายต่อมาจนกระทั่งทุกวันนี้ เจ้าอาวาสรูปแรกในยุคนี้ คือ พระครูโวทานสมณคุต (รุ่ง)
พระครูโวทานสมณคุต (รุ่ง) ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสจนกระทั่งปี พ.ศ.2480 ก็มรณภาพ พระพุทธวรญาณ (กิตฺติทินฺนเถร) ได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้รั้งหน้าที่เจ้าอาวาส และได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาส นับเป็นเจ้าอาวาสวัดไทยรูปที่ 2 ส่วนเจ้าอาวาสรูปปัจจุบัน คือ พระครูประสาทสุตกิจในด้านความสำคัญแล้ววัดกวิศรารามมีความสำคัญมากเพราะเป็นพระอารามหลวงชั้นตรี เป็นวัดที่พระมหากษัตริย์ทรงสร้างจึงได้รับพระราชทานเทียนพรรษาเพียงวัดเดียวในจังหวัดลพบุรี ในสมัยสมบูรณาญาสิทธิราชย์ก็เป็นศูนย์กลางในการประกอบพิธีต่างๆ ของทางราชการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นที่ถือน้ำพระพิพัฒน์สัตยาของจังหวัดลพบุรี และภายหลังก็เป็นที่ทำประโยชน์แก่สังคมและประเทศชาติทางด้านการศึกษาเป็นอย่างมาก เนื่องจากเจ้าอาวาสทุกรูปได้อุทิศตนเพื่อการพระศาสนาและการศึกษาตลอดมา ปัจจุบันวัดกวิศรารามเป็นศูนย์กลางการศึกษาและศาสนาของจังหวัดลพบุรีมีสำนักการศึกษาและสำนักงานทางศาสนาตั้งอยู่ ณ วัดกวิศราราม หลายประเภท คือ โรงเรียนนักธรรม โรงเรียนบาลี โรงเรียนการศึกษาผู้ใหญ่ฝ่ายบรรพชิต โรงเรียนธรรมศึกษาพิเศษ พุทธสมาคมจังหวัดลพบุรี โรงเรียนเทศบาลวัดกวิศราราม โรงเรียนวินิตศึกษา กวิศรารามมูลนิธิ สำนักงาน มูนิธิบำรุงตึกสงฆ์อาพาธพระธรรมญาณมุนี และสมาคมศิษย์กวิศร์ ในแต่ละปีจะมีพระมาจำพรรษาประมาณพรรษาละ 50 รูป ท่านเจ้าคุณพระพุทธวรญาณมรณภาพเมื่อเดือนธันวาคม พ.ศ.2535 ทางการได้แต่งตั้งพระครูประสาทสุตกิจ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสขึ้นดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาส จนถึงปัจจุบัน
สิ่งก่อสร้างภายในวัด
พระอุโบสถ มีรูปทรงงดงาม ขนาดย่อมแบบมหาอุด มีประตูเข้าออกทางเดียว ผนังเจาะเป็นช่อง ไม่มีหน้าต่าง ซึ่งเป็นการสร้างสมัยอยุธยา บานประตูซ้ายเป็นภาพแกะไม้พระนารายณ์ทรงสิงห์ บานประตูขวาเป็นภาพแกะไม้พระนารายณ์ทรงครุฑภายในตกแต่งโดยเขียนลายประดับทั้งที่ผนังและเสาทุกต้น
พระประธาน ชื่อหลวงพ่อมารวิชัย เป็นของเก่าแก่มาแต่เดิม ปัจจุบันลงรักปิดทอง เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยสมัยอู่ทอง
เจดีย์ เป็นเจดีย์ทรงกลมตั้งอยู่บนฐานสี่เหลี่ยม อยู่ด้านหลังชิดกับพระอุโบสถ
หอไตร อยู่ริมบ่อน้ำหน้าพระอุโบสถ มีขนาดพอเหมาะ และมีลายหน้าบันเป็นก้านขดสวยงาม ของเดิมชำรุดแต่มีการบูรณะใหม่ในรูปทรงเดิม
ศาลาและกุฏิ สร้างเป็นหมู่ตึกเป็นระเบียบ เป็นอาคารที่บูรณะใหม่
บ่อน้ำ อยู่หน้าพระอุโบสถและด้านหลังหมู่กุฏิ รวม 2 บ่อ เป็นบ่อกลมลึก ผนังกรุอิฐตลอดก้นบ่อ ลักษณะเป็นแบบเดียวกับบ่อน้ำในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช
ซุ้มประตู อยู่ด้านหน้าวัด และหลังวัด