ผญา:ภาษิตอีสาน
คำว่า“ผญา”มาจากปัญญาหรือปรัชญา ซึ่งหมายถึงความฉลาด ความรอบรู้ หรือ รู้รอบ ผญาหรือปัญญานี้ มีนักปราชญ์โบราณอีสานได้กล่าวไว้ว่า“เงินเต็มพาบ่ท่อผญาเต็มปูม”พระพุทธเจ้ายกย่องปัญญาว่ามีปัญญาดีกว่ามีทรัพย์ เพราะทรัพย์มีมากเท่าไหร่ เมื่อใช้แบบไม่มีสตินานเข้าก็หมดไป ส่วนปัญญายิ่งใช้ยิ่งเกิดแสงสว่างที่เกิดจากพระอาทิตย์ พระจันทร์ ไฟฟ้า ตะเกียงหรือแสงสว่างอื่นใด ก็สู้แสงสว่างของปัญญานั้นไม่ได้เพราะแสงปัญญาส่องทลุปรุโปร่งไปในภูเขาเลากาในฟ้าใต้ดิน ส่องไปทุกหนทุกแห่งไม่มีอะไรขัดขวางได้ ปัญญาเป็นแก้วสารพัดนึก
ผญาเป็นมรดกทางวัฒนธรรมทางภาษาของอีสาน ที่ได้มีการสืบทอดจากบรรพบุรุษจนกระทั่งถึงปัจจุบัน สาเหตุความเป็นมาของ “ผญา”สันนิษฐานว่า คงเนื่องมาจากศาสนา ซึ่งเป็นคำสั่งสอนให้คนประพฤติดีประพฤติชอบ และเนื่องมาจากธรรมเนียมประเพณีความเชื่อและระเบียบสังคมไทยเราตั้งแต่โบราณกาล ซึ่งชี้ให้เห็นว่าคนไทยในโบราณเป็นคนเจ้าบทเจ้ากลอน มีนิสัยร่าเริงและละเอียดอ่อน โดยสังเกตจากวรรณคดีอีสานส่วนมากแต่งด้วยคำประพันธ์ประเภทร้อยกรอง โดยเฉพาะคำกลอนหรือ เรียกอีกอย่างหนึ่งว่าโคลงสารหรือกลอนอ่าน เช่น เรื่องสังข์สินชัย กาฬเกด ท้าวก่ำกาดำ พระสุนธนาชาดก จำปาสี่ต้น ผาแดงนางไอ่ นางผมหอม เป็นต้นและคนในสมัยโบราณเมื่อพูดจากันบางครั้งจะพูดคล้องจองกัน ผู้เฒ่าผู้แก่คนสูงวัยจะพูดจาสั่งสอนใครก็มักจะพูดเป็นภาษิต คติเตือนใจ เป็นคำคล้องจอง สั้นบ้างยาวบ้างตามความสามารถของแต่ละบุคคล แม้แต่การอวยพร การพูดจาทักทายของหนุ่มสาวมักไม่พูดออกมาความในใจออกมาตรง ๆ เป็นคำพูดธรรมดา แต่จะนิยมพูดเป็นคำคล้องจอง เป็นคำพูดที่แสดงความโดยนัย ผู้เป็นคู่สนทนาต้องตีความเอง ดังตัวอย่างบทผญา ที่นำมาเสนอไว้ ณ ที่นี้
“ไผว่ากาฬสินธุ์ฮ้าง ซิจูงแขนเพิ่นไปเบิ่ง วัฒนธรรมมีมากล้น มันซิฮ้างได้จั๋งใด๋”
ความหมาย อย่าเชื่อในสิ่งที่ได้ยินมา จนกว่าจะได้เห็นด้วยตาของตนเอง
“มีความฮู้เต็มพุงเพียงปาก สอนโตเองบ่ได้ไผซิย่องว่าดี” ความหมาย มีความรู้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอด
“ครั้นเจ้าได้ขึ้นขี่ซ้าง กั้งฮ่มเป็นพระยา อย่าสุลืมชาวนาผู้ขี่ควายคอนกล้า”ความหมาย อย่าลืมชาติกำเนิดตนเอง เมื่อได้ตำแหน่งสูงขึ้น
บัวกะอาศัยน้ำ ปลากะเพิงวังตม บ่าวกับนายกะเพิ่งกันโดยด้าม
อันว่าเสือสาง ซ้าง กวาง ฟานอาศัยป่า ป่าอาศัยสิ่งฮ้ายจึงหนาแน่นมืดมุง
เฮาอาศัยพวกพ้องน้องนุ่งสหายเกลอ เขากะอาศัยเฮาจึงเป็นเมืองบ้าน
คนหากอาศัยกันฮวมกันเป็นหมู่ บ่มีไผอยู่ฝั่งทอนท้อผู้เดียวได้แหลว
ความหมาย พึ่งพาอาศัยซึ่งกัน หรือ การทำงานแบบบูรณาการ