พิณบ้านแต้
พิณเป็นเครื่องดนตรีประเภทเครื่องสายแบบหนึ่ง มีหลายชนิดแตกต่างตามท้องที่ พิณอาจมีชื่อเรียกแตกต่างกันไปตามท้องถิ่น เช่น "ซุง" หรือ "เต่ง" จัดเป็นเครื่องดนตรีประเภทเครื่องสาย มีรูปร่างคล้ายกีตาร์แต่มีขนาดเล็กกว่า โดยทั่วไปมี 3 สาย ในบางท้องถิ่นอาจมี 2 หรือ 4 สาย บรรเลงโดยการดีดด้วยวัสดุทีเป็นแผ่นบาง เช่นไม้ไผ่เหลา หรืออาจใช้ปิ้กกีตาร์ดีดก็ได้ สมัยก่อนจะเล่นเครื่องเดียวเพื่อเกี้ยวสาว ปัจจุบัน มักใช้บรรเลงในวงดนตรีโปงลาง วงดนตรีลำซิ่ง หรือวงดนตรีลูกทุ่ง
๑.๑ ประวัติความเป็นมา
จุดเริ่มต้นของแนวคิดนี้ เนื่องจากเมื่อปี ๒๕๔๔ เริ่มจากการเป็นคนขายเครื่องดนตรีพื้นเมือง จากงานกาชาดที่สวนอัมพร มีโอกาสได้เรียนรู้งานเกี่ยวกับเครื่องดนตรีพื้นเมืองทุกชนิด ได้พบปูดคุยกับลูกค้าทุกระดับชั้น สิ่งต่างๆ ที่ได้รับมาตั้งแต่วันนั้น เป็นตัวจุดประกายให้มีความคิดที่จะผลิตเอง ประกอบกับหลานชาย (นายสัญญา แก้วอินธิ) มีประสบการณ์ด้านการทำพิณ ที่ได้รับมาจากจังหวัดขอนแก่น โดยร่วมกันเปิดโรงงานเล็กๆ ทำการผลิตพิณที่หมู่บ้านแต้ ตำบลท่าเรือ อำเภอนาหว้า ระยะแรกๆตลาดไม่ค่อยมี ต้องนำไปขายเอง และนำไปโชว์ในงานเทศกาลต่างๆ เช่น งาน OTOP ระดับประเทศ งานกาชาดประจำปี งานนมัสการองค์พระธาตุพนม เป็นต้น ปัจจุบันมียอดสั่งซื้อเดือนละประมาณ ๒๐๐ ตัว ทำให้ต้องขยายพื้นที่โรงงาน และรับคนงานเพิ่มอีก ๑๐ คน เพื่อผลิตให้ทันต่อความต้องการ
๑.๒ อัตลักษณ์ (เอกลักษณ์)/จุดเด่นของผลิตภัณฑ์
๑.คุณภาพและสีสันของเสียงพิณ(เสียงดีไม่เพี้ยน)
๒.ฝีมือในการผลิตเป็นที่ยอมรับ
๓. มีความละเอียดปราณีต
๑.๓ มาตรฐานและรางวัลที่ได้รับ
๑. วันนักประดิษฐ์ ประจำปี ๒๕๕๔ โดยสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ
๒. OTOP คัดสรร ๓ ดาว ปี ๒๕๕๓
๑.๔ ความสัมพันธ์กับชุมชน
พิณเป็นเครื่องดนตรีพื้นเมืองประเภทดีดที่ชาวบ้านรู้จักกันดีมานาน โดยนำมาบรรเลงควบคู่กับแคนประสานเสียงเป็นเพลงหมอลำได้อย่างลงตัว ด้วยท่วงทำนองที่ไพเราะเร่าร้อนสำหรับชาวบ้านแล้ว หากได้ฟังจะต้องมีอาการขยับแข้งขยับขาแบบไม่รู้ตัวแทบจะทุกคน และแฝงไว้ด้วยความเรียบง่ายและแสดงออกถึงเอกลักษณ์พื้นถิ่นของชาวนาหว้าเป็นที่ประทับใจของผู้พบเห็นซึ่งในสภาวะการเปลี่ยนแปลงสังคมในโลกไร้พรหมแดนหากว่าท้องถิ่นได้อนุรักษ์และรักษาไว้ซึ่งขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีงามของบรรพบุรุษซึ่งหลายพื้นที่ได้สูญหายไปกับกาลเวลาแต่สำหรับชาวอำเภอนาหว้าแล้วสิ่งเหล่านั้นมิได้เป็นอุปสรรคต่อการดำรงอยู่และตลอดไปในการสืบสานประเพณีของท้องถิ่นเพื่อคงไว้ซึ่งความยั่งยืนของประเพณีและวัฒนธรรมให้คงอยู่กับสังคมที่ดีงามตลอดไป
กระบวนการผลิต
๒.๑ วัตถุดิบและส่วนประกอบ
พิณประกอบด้วยส่วนสำคัญต่างๆ ดังนี้
๑. ไม้ขนุน ขนาดอายุประมาณ ๕ ปีขึ้นไป ซึ่งปัจจุบันเริ่มหายาก และมีการใช้ไม้อื่นทดแทนบ้างแล้ว เช่น ไม้สะเดา ไม้ขี้เหล็ก ไม้ประดู่ เป็นต้น
๒. กาว/กระดาษทราย
๓. แชลแลคหรือยูรีเทน
๔. สายกีต้าร์ไฟฟ้า(กรณีทำพิณไฟฟ้า)
๒.๒ ขั้นตอนการผลิต
๑. เต้าพิณ
กรณีเป็นพิณโปร่ง เต้าพิณคือส่วนที่เป็นโพรงซึ่งเป็นส่วนที่จะขยายสัญญาณเสียงให้ดังขึ้นนั่นเอง ประกอบจากไม้สองส่วนคือส่วนที่เจาะเป็นโพรงหรือตัวเต้า และส่วนที่เป็นแผ่นประกบปิดตัวเต้าพิณโปร่ง จะต้องเป็นโพรงโบ๋ลงไป หากทำจากไม้ ก็ต้องเจาะแต่ถ้าทำจากกะลา น้ำเต้า หรือกระดองเต่าก็ไม่ต้องเจาะ เพราะมีร่องโพรงอยู่แล้วขนาดความกว้าง ความลึกของโพรง มีความสัมพันธ์กับความกังวานของเสียงด้วยเช่นกันโดยตัวเต้าที่มีขนาดใหญ่และลึกจะมีเสียงดังกว่าทุ้มกว่าเต้าพิณที่มีขนาดเล็กและตื้นแผ่นประกบเป็นตัวรับและขยายสัญญาณเสียง หากแผ่นประกบหนาเกินไป จะขยายสัญญาณเสียงได้ไม่ดีดังนั้น แผ่นประกบจึงควรให้บางๆ เท่าที่จะบางได้ แผ่นประกบที่เป็นไม้จะเจาะรูเพื่อระบายลม และให้เสียงสะท้อนกลับออกมา แต่ถ้าเป็นหนัง ก็ไม่ต้องเจาะคุณสมบัติของเสียงพิณโปร่ง จะขึ้นอยู่กับวัสดุของแผ่นประกบเป็นสำคัญ วัสดุต่างกันคุณสมบัติเสียง และคุณภาพเสียงจะต่างกัน นอกจากนั้น บนแผ่นประกบจะมีหย่องติดไว้ สำหรับรองรับสายพิณ ซึ่งตัวหย่องนี้จะรับสัญญาณเสียง(การสั่นของสายพิณ) แล้วส่งต่อไปยังแผ่นประกบ กรณีเป็นพิณไฟฟ้า เต้าพิณไม่จำเป็นต้องมีโพรง และไม่มีแผ่นประกบเพราะใช้อุปกรณ์อีเล็กทรอนิกส์ เป็นตัวรับและขยายสัญญาณเสียง ซึ่งตัวเต้าพิณจะเจาะร่องสำหรับติดคอนแท็ค เจาะรูสำหรับร้อยสายไฟ ติดแจ็ครวมถึงตัวปรับอื่นๆ เช่น volume เป็นต้น เต้าพิณไฟฟ้า นิยมทำจากไม้เนื้อแน่น เพราะต้องการความคงทนและไม่จำเป็นต้องมีกำทอนดี ไม้ที่นิยมนำมาทำเต้าพิณไฟฟ้า คือไม้ประดู่
๒. คอพิณ
คอพิณคือ ส่วนที่ต่อออกมาจากตัวเต้าพิณ โตประมาณพอกำได้ยาวประมาณ ๒ ฟุต หรือประมาณหนึ่งช่วงแขน โดยด้านโคน ต่อเข้ากับตัวเต้าพิณส่วนด้านปลาย เป็นส่วนที่ติดลูกบิดขึ้นสายพิณและต่อหัวพิณเข้าไป(กรณีแยกหัวไว้ต่างหาก) ไม้ที่ทำคอพิณ ต้องแข็งซึ่งโดยมาก หากตัวเต้าเป็นไม้ มักจะใช้ไม้ชนิดเดียวกันกับตัวเต้าพิณนั่นเองแต่หากตัวเต้าเป็นกะลา น้ำเต้า หรือกระดองเต่า ก็จะเลือกใช้ไม้คอพิณต่างหาก สมัยก่อน เนื่องจากยังไม่มีกาวติดไม้ชั้นเยี่ยม การทำพิณโปร่งจึงทำจากไม้ชิ้นเดียว ไม่มีรอยต่อ แต่ปัจจุบัน ไม้หายากมากขึ้นและมีกาวชั้นเยี่ยมแล้ว จึงนิยมทำพิณโดยแยกตัวเต้าและคอพิณออกแล้วนำมาประกบติดกันด้วยกาว ด้านปลายคอพิณ เซาะร่องและเจาะรูสำหรับติดลูกบิด และปลายสุด อาจเจาะรูสำหรับนำหัวพิณมาต่อหรือทำเป็นหัวพิณเลยก็ได้
๓. หัวพิณ
หัวพิณคือส่วนที่ต่อจากคอพิณไปเป็นส่วนประกอบเพื่อให้พิณสมบูรณ์สวยงาม สมัยก่อน มักทำพิณด้วยไม้ท่อนเดียวหัวพิณจึงติดกับคอพิณเลยแต่ปัจจุบัน ไม้หายากขึ้น จึงแยกหัวพิณออกเป็นส่วนต่างหากและนำมาประกบเข้ากับปลายคอพิณทีหลัง ซึ่งหัวพิณ นิยมทำเป็นรูปหัวพญานาคแต่ช่างพิณบางคน ทำเป็นรูปหัวหงส์ก็มี
๔. ขั้นแบ่งเสียง
คือ ตัวแบ่งสเกลระดับเสียง หรือตัวแบ่งโน้ต ทำจากซี่ไม้ไผ่แบน ๆนำมาติดเข้ากับคอพิณ หันด้านติวไม้ขึ้นรองรับสาย สมัยก่อน ติดขั้นพิณด้วยขี้สูดแต่ปัจจุบันใช้กาวติด นอกจากนั้น ปัจจุบัน นิยมทำขั้นพิณโดยใช้แท่งโลหะเล็กๆเช่นลวด เป็นต้น
๕. หย่อง
คือ ตัวควบคุมคีย์ของสายพิณขณะดีดสายเปล่า ซึ่งมีสองตัวคือหย่องหน้าหรือหย่องเต้าพิณ ติดอยู่ที่ด้านหน้าเต้าพิณและหย่องท้ายหรือหย่องด้านหัวพิณ จะติดด้านปลายคอพิณ ถัดจากขั้นพิณอันสุดท้ายพูดง่ายๆ หย่อง จะติดครอบขั้นพิณทั้งหมดเอาไว้ ตัวหย่องทำจากไม้เนื้อแข็งบากร่องสำหรับพาดสายตามจำนวนสายพิณ
๖. ลูกบิดขึ้นสาย
เป็นตัวยึดสายพิณ และปรับระดับคีย์ของสายพิณแต่ละสายโดยติดเข้าด้านปลายของคอพิณ สมัยก่อนทำจากไม้เนื้อแข็งเหลาเป็นแท่งกลมด้านปลายสอบเล็กลง ปัจจุบันมีการนำเอาลูกบิดขึ้นสายของกีตาร์ มาใช้แทน เพราะสะดวกในการขึ้นสายและปรับแต่งเสียงมากกว่า
๗. สายพิณ
สมัยก่อน เนื่องจากสายกีตาร์ยังไม่เป็นที่แพร่หลายจึงนิยมใช้สายเบรกรถจักรยาน มาทำเป็นสายพิณ แต่ปัจจุบันนิยมใช้สายกีตาร์เพราะหาง่าย ให้คุณภาพเสียงที่ดีกว่า โดยพิณโปร่ง ใช้สายกีตาร์โปร่ง พิณไฟฟ้าใช้สายกีตาร์ไฟฟ้าสายพิณโปร่ง ควรใช้สายกีตาร์โปร่ง เพราะสายแข็งกว่าให้เสียงดังกว่า และไม่ค่อยเป็นสนิม ซึ่งขนาดที่แนะนำ คือ
- สายที่ 1 (เส้นที่เล็กที่สุด) ขนาด 0.011 - 0.013 mm
- สายที่ 2 ขนาด 0.015 - 0.018 mm
- สายที่ 3 ขนาด 0.020 – 0.025 mm
- สายที่ 4 ขนาด 0.030 – 0.035 (เฉพาะพิณ 4 สาย)
สายพิณไฟฟ้า ควรใช้สายกีตาร์ไฟฟ้า เพราะสายนิ่มกว่าส่งสัญญาณเสียงทางไฟฟ้าได้ดีว่า (แต่ต้องดูแลให้ดี เพราะเป็นสนิมงาย)ซึ่งขนาดที่แนะนำ คือ
- สายที่ 1 (เส้นที่เล็กที่สุด) ขนาด 0.010 - 0.011 mm
- สายที่ 2 ขนาด 0.013 - 0.015 mm
- สายที่ 3 ขนาด 0.018 - 0.023 mm
- สายที่ 4 ขนาด 0.025 – 0.030 (เฉพาะพิณ 4 สาย)
กรณีเป็นพิณสองหัว คอล่างใช้สายขนาดตามด้านบน ส่วนคอบนใช้ขนาดดังนี้
- สายที่ 1 (เส้นที่เล็กที่สุด) ขนาด 0.008 – 0.009 mm
- สายที่ 2 ขนาด 0.011 - 0.013 mm
- สายที่ 3 ขนาด 0.015 - 0.018 mm (พิณที่มีสองหัวไม่นิยมสี่สาย)
ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับสไตล์การเล่นพิณของแต่ละคนและความสูงของขั้นพิณด้วย เช่น หากเล่นสไตล์ดุ หรือสไตล์ห้าว มันๆควรใช้สายพิณขนาดค่อนข้างโต หากเล่นสไตล์หวาน นุ่ม ควรใช้สายพิณขนาดเล็กหรือหากขั้นพิณสูง ควรใช้สายขนาดโต เพราะหากขั้นพิณสูงแล้วใช้สายขนาดเล็กเวลาจับโน้ต (บางคนกดแรง) อาจทำให้เสียงเพี้ยนได้ง่าย หลักง่ายๆ คือ สายขนาดเล็กคู่กับขั้นพิณที่ต่ำ กดนับโน้ตเพียงเบาๆ
๘. ปิ๊ก
ปิ๊กหรือที่ดีดสายพิณ สมัยก่อนทำจากเขาควาย หรือหากไม่มีเขาควายก็ใช้ไม้เนื้อแข็ง เหลาให้บางด้านปลายแหลมมนต่อมา ก็ใช้ขวดพลาติก เช่นแกลลอนน้ำมัน เป็นต้น แทน ปัจจุบันเมื่อพัฒนามาใช้สายกีตาร์แทน ก็เลยใช้ปิ๊กกีตาร์ไปด้วย
๒.๓ เทคนิค/เคล็ดลับในการผลิต
๑. การเลือกไม้ที่นำมาทำเต้าพิณ ไม้ขนุน (ไม้บักมี่)เพราะให้เสียงที่ทุ้มกังวาน มีน้ำหนักเบาถ้าเป็นแก่นที่นำมาจากต้นที่มีอายุมากจะให้สีสันเมื่อเคลือบด้วยแชลแลคหรือยูรีเทนแล้วสวยงามดี จะขุดให้เป็นโพรงเพื่อให้เกิดการก้องกังวาลของเสียงเสียงที่ได้จากพิณขึ้นอยู่กับวัสดุที่นำมาผลิตเต้าพิณที่มีขนาดใหญ่และลึกจะมีเสียงดังกว่าเต้าพิณที่มีขนาดเล็กและตื้น
กลุ่มผู้ผลิต ผู้ประกอบการ OTOP
๓.๑ กลุ่มผู้ผลิต ผู้ประกอบการ OTOP
กลุ่มผู้ผลิต: ผู้ประกอบการรายเดียว
สถานที่ผลิต: หมู่บ้านแต้ ตำบลท่าเรือ อำเภอนาหว้า จังหวัดนครพนม ๔๘๑๘๐
โทร.๐๘๙-๖๙๙๔๔๕๒
เจ้าของ: นายจันทร์ แก้วอินธิ
ที่อยู่: เลขที่ ๔๔/๒ หมู่ที่ ๒ ตำบลนาหว้า อำเภอนาหว้า จังหวัดนครพนม ๔๘๑๘๐
โทร.๐๘๙-๖๙๙๔๔๕๒
๓.๒ แหล่งจำหน่ายผลิตภัณฑ์, ช่องทางการจัดจำหน่าย
สถานที่ผลิต: หมู่บ้านแต้ ตำบลท่าเรือ อำเภอนาหว้า จังหวัดนครพนม ๔๘๑๘๐ โทร.๐๘๙-๖๙๙๔๔๕๒
บ้าน: นายจันทร์ แก้วอินธิ เลขที่ ๔๔/๒ หมู่ที่ ๒ ตำบลนาหว้า อำเภอนาหว้า จังหวัดนครพนม ๔๘๑๘๐ โทร.๐๘๙-๖๙๙๔๔๕๒