ชื่อหมู่บ้าน / ตำบลบ้านกาศ อำเภอสูงเม่น จังหวัดแพร่
หมู่ที่ ๑ บ้านกาสเหนือ หมู่ที่ ๒ บ้านกาสเหนือ
หมู่ที่ ๓ บ้านกาสใต้ หมู่ที่ ๔ บ้านม่วงเกษม
หมู่ที่ ๕ บ้านหนองช้างน้ำ หมู่ที่ ๖ บ้านกาสเจริญ
หมู่ที่ ๗ บ้านม่วงเกษม
ที่ตั้ง
ทิศเหนือ ติดต่อกับตำบลนาจักร อำเภอเมืองแพร่
ทิศใต้ ติดต่อกับตำบลบ้านเหล่า อำเภอสูงเม่น
ทิศตะวันออก ติดต่อกับตำบลช่อแฮ อำเภอเมืองแพร่ และตำบลบ้านกวาง อำเภอสูงเม่น
ทิศตะวันตก ติดต่อกับบ้านตอนิมิตร ตำบลร่องกาศ อำเภอสูงเม่น
พื้นที่ของตำบลบ้านกาศจำนวน ๗.๖ ตารางกิโลเมตร
ชุมชนบ้านกาศเกิดขึ้นจากหลักฐานดังกล่าวข้างต้น เริ่มจากลักษณะทำเลแห่งนี้มีความอุดมสมบูรณ์
เป็นที่ราบลุ่ม เหมาะในการทำการเกษตร ประมาณปีพุทธศักราช ๑๙๕๐ จึงเป็นแหล่งที่มีผู้คนจากที่อื่นอพยพมาตั้งถิ่นฐานทำมาหากิน โดยเริ่มจากมีกระท่อมเพื่อทำการเพาะปลูก
ลักษณะที่ตั้งเป็นที่ราบลุ่มทอดยาวจากทิศตะวันออก ลงไปทางทิศตะวันตก ซึ่งมีแม่น้ำ ๓ สายไหลผ่าน ประกอบด้วย
๑. แม่น้ำแม่สาย ไหลผ่านทางด้านทิศใต้
๒. แม่น้ำร่องแวง ที่แยกจากแม่น้ำเหมืองบ้าน ไหลผ่านทางด้านทิศเหนือ
๓. แม่น้ำเหมืองกาด ไหลผ่านกลางหมู่บ้าน
ประชาชนได้ตั้งหลักแหล่งทั้งสองข้างลำเหมืองกาดจากทางทิศตะวันออก(คือบ้านกาศเหนือปัจจุบัน)
ลงไปทางทิศตะวันตก(คือบ้านม่วงในปัจจุบัน) โดยเริ่มตั้งรกรากที่บ้านกาศใต้ (หมู่ที่ ๓ ปัจจุบัน) จากประวัติการสร้างวัดดังกล่าวข้างต้น
ผู้ที่อพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐานนี้เชื่อว่า มาจากเชียงแสนเป็นส่วนใหญ่ (จากหลักฐานประวัติการสร้างวัด,ประวัติตระกูลในตำบล) โดยบริเวณหน้าวัดกาศเหนือ เดิมมีต้นโพธิ์ขึ้นหนาแน่น (ต้นศรี ) ปัจจุบันเป็นตลาดสด เป็นแหล่งนัดพบและค้าขาย จึงมีพ่อค้ามาแลกเปลี่ยนสินค้า จึงเรียกว่า “กาด” เป็นภาษาเหนือที่มาจากคำว่า “ตลาด”ต่อมาคำว่า “กาด”เปลี่ยนเป็น “กาศ” ท่านมหาวิชิต ศรีจันทร์กาศ เปรียญ 6 น.ธ.เอก ผู้เรียบเรียงประวัติวัดกาศเหนืออธิบายไว้ว่า “วัดกาศเหนือ ประชาชนทั่วไปเรียกว่า วัดกาดหลวง เพราะวัดนี้มีศรัทธาทนุบำรุงมากมาย หรือเป็นวัดที่เจ้าหลวงนครแพร่บำรุง เป็นวัดที่เจริญรุ่งเรืองในอดีตกาล นอกจากนี้ยังมีชื่อเรียกอีกว่า “วัดกาดศรีคง” เพราะสมัยก่อนมีต้นศรี (ต้นโพธิ์ ) ขึ้นหนาแน่นมาก
ส่วนคำว่า “กาด”เปลี่ยนมาเป็น “กาศ” ซึ่งเป็นภาษาสันสกฤต ซึ่งแปลว่า ไม้เป้ง ไม้เซา เข้าใจว่า ในสมัยโบราณคงจะมีไม้ประเภทนี้มาก หรือ อาจจะมาจากศัพท์ว่า “ปรกาศ” (ปร-กาศ) แปลว่า แสงสว่าง
คนสมัยก่อนคงทราบว่าเป็นหมู่บ้านของคนผู้มีแสงสว่างแห่งชีวิต มีศีลธรรมอันดีงาม จึงใช้คำว่า “กาศ”มาจนถึงปัจจุบัน เช่นเดียวกับตำบลร่องกาศ ซึ่งน่าจะมีที่มาเดียวกัน
ความเป็นมาของคำว่า “กาด”ในอดีต เกิดจากเมื่อสมัยเวียงกวาง (ต.บ้านกวาง อ.สูงเม่น
จ.แพร่) เป็นเวียงแห่งแรกของจังหวัดแพร่ บ้านกาศเป็นที่ชุมนุมของพ่อค้าวาณิชต่างๆ จึงเป็นที่มาของคำว่า “กาด”มาจากตลาดและเป็นคำว่า “กาศ”ในที่สุด (จากหลักฐานประวัติวัดกาศเหนือ)
ลำดับความเป็นมา สรุปได้ดังนี้
ประมาณ พ.ศ. ๑๙๕๐ มีราษฎรเริ่มมาอาศัยทำการเพาะปลูก บริเวณแหล่งน้ำทั้ง ๓ สาย
ประมาณ พ.ศ. ๒๐๒๐ มีผู้คน พ่อค้ามาพักทำการค้าขายบริเวณกาดศรีคง ซึ่งเป็นพวกเงี้ยวและที่มาจากเชียงแสน เชียงตุง ซึ่งสินค้าจะเป็นพวกผ้าไหม โสร่ง โจงกระเบน และมาตั้งรกรากเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ประมาณ พ.ศ.๒๑๐๐ มีพระชื่อ “พระโกวิระ”มาพร้อมกับพวกเงี้ยว แต่ประวัติวัดกาศเหนือบอกว่า
พระนั้นชื่อ “โกวินทะ”มาจากทางอีสาน ซึ่งอาจจะเพี้ยนไปเพราะเป็นไปตามคำบอกกล่าวต่อๆกันมา และมาสร้างวัดขึ้นคือ “วัดกาดใต้”ต่อมาจึงมีวัดเพิ่มขึ้นอีกคือ วัดกาศเหนือ วัดม่วงเกษม และวัดหนองช้างน้ำ
ประมาณต้นปี พ.ศ. ๒๔๐๐ ทางการได้ตั้งหมู่บ้านนี้เป็นแขวงหนึ่ง และแต่งตั้งให้นายอุตตมะ
เป็นนายแขวงเรียกชื่อเป็นบ้านกาศ แบ่งออกเป็น 8 หมู่บ้าน และนายบุญทะวงศ์ ได้เป็นนายแขวงสืบต่อมา และทางเจ้าหลวงเมืองแพร่ได้ตั้งให้นายบุญทะวงศ์ เป็น ขุน ชื่อ ขุนกาศ ระงับกิจ
ด้านการศึกษา
ที่ศาลาวัดกาศเหนือ เมื่อพ.ศ. ๒๔๕๒ เริ่มตั้งโรงเรียน ชื่อ “โรงเรียนบ้านกาศ๑”มีการเรียนการสอนที่วัดและเมื่อมีจำนวนนักเรียนเพิ่มขึ้นจึงจัดซื้อที่ดินเพื่อสร้างอาคาร ต่อมา มีพระราชบัญญัติประถมศึกษาแห่งชาติ พุทธศักราช 2464 ซึ่งเป็นกฎหมายบังคับให้เยาวชนทุกคนที่มีอายุระหว่าง ๗ ปี- ๑๔ ปีเข้าเรียนในโรงเรียน จึงมีครูใหญ่คนแรก คือ นายกิ ประดิษฐ์ เปิดสอน ณ บริเวณที่ดินโรงเรียนบ้านกาศในปัจจุบัน เป็นอาคารเรียนที่ประชาชนร่วมกันสร้างขึ้น ต่อมา ในปีพ.ศ. ๒๔๙๐ ได้สร้างอาคารแบบ ป.๒ ทรงปั้นหยา ๒ ชั้น ๖ ห้องเรียน เปิดสอนตั้งแต่ ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ ถึงชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ เป็นโรงเรียนแห่งแรกในตำบลบ้านกาศและต่อมามีโรงเรียนบ้านหนองช้างน้ำ(สหราษฎร์บำรุง) โรงเรียนบ้านม่วง(ม่วงเกษมวิทยาคาร)โรงเรียนบ้านกาศประชานุเคราะห์ เปิดสอนระดับมัธยมศึกษาปีที่ ๑ ถึงมัธยมศึกษาปีที่ ๖ และพ.ศ.๒๕๓๕ โรงเรียนบ้านหนองช้างน้ำได้ยุบรวมกับโรงเรียนบ้านกาศ(วัฒนาประชานุกูล)
วิสัยทัศน์ตำบลบ้านกาศ( VISION)
แหล่งวัฒนธรรมล้านนา การศึกษาเป็นยอด ปลอดมลพิษ
พิชิตปัญหาความยากจน ชุมชนเข้มแข็งยั่งยืน
คำขวัญตำบลบ้านกาศ
บ้านกาศน่าอยู่ เคียงคู่เกษตรกรรม
งามล้ำพระธาตุสะหลี หัตถกรรมดีไม้กวาด
ตลาดสดประจำถิ่น ผ้าซิ้นเนื้อดี
ประเพณีตานสลาก หลากหลายวัฒนธรรม.
เพลงบ้านกาศเมืองงาม
ทำนองซอปั่นฝ้าย
ประพันธ์โดย พิพัฒน์พงษ์ หน่อขัด
๑. สิบนิ้วก่ายเกล้าวันตา ขอเล่าไขจ๋าประวัติบ้านกาศ อำเภอสูงเม่น เมืองแป่ เมืองงาม ม่วนงันทุกยามไผได้มาแอ่ว
๒. เมืองแป้เลิศแล้วเมืองเฮา บ้านกาศนานเนาสมัยแต่ก่อน ป่ออุ้ยแม่หม่อน ยกย้ายกั๋นมา เก้าเหง้าล้านนา เจียงแสนเมืองเก่า
๓. ก่อเก๊าสร้างบ้านแป๋งเมือง ก้านกุ่งฮุ่งเฮืองแถวย่านบ้านกาศ แดนงามวิลาศมีน้ำสามสาย ไหล่ล่องมาก๋ายสมบูรณ์ล้ำเจ้น
๔. ไหลเย็นแม่สายฮอมแปง แม่น้ำร่องแวง แม่น้ำเหมืองกาด อันใสสะอาด หล่อเลี้ยงไฮ่นา กุ้งหอยปู๋ปล๋าอาหารบ่ขาด
๕. เวียงกว๋างบ้านกาดโบราณ เล่าต๋ามต๋ำนานก้าขายเมืองแป่ ป้อก้ามาแว่แม่ก้า มาก๋าย ไผก่อมาขายข้าวของหลายหลาก
๖. จื้อนี้มาจากกาดหลวง ตี้เฮาตึงปวงฮ้องกั๋นติ๊ดปาก เมื่อลูนเปลี่ยนจากบ้านกาด จื้อเดิม ได้มาแต่งเสริม
บ้านกาศจื้อใหม่
๗. เลื่อมใสวัดวาอาราม มีหลายวัดงามศรัทธาใจ๋ใส่ มีวัดกาศใต้และวัดกาศเหนือ วัดหนองจ้างน้ำ
วัดม่วงเกษม
๘. เต๋มอ๊กเต๋มใจ๋นักหนา ยามเมื่อลูนมาเจ้าฟ้าเมืองแป่ มอบต๋ำแหน่งแก่นายอุตมะ หื้อรับภาระนายแขวง
บ้านกาศ
๙. บ่ขาดผู้นำต่อมา สถาปนาจื้อว่าขุนกาศ มีความสามารถจื้อเสียงลือไป ทั่วเวียงโกษัยไผก่ออ้างอวด
๑๐.ลวดเจินแขกแก้วมาเมือง ชมความฮุ่งเฮืองตำบลบ้านกาศ ไหว้สาพระธาตุสะหลี๋ศรีกาศแก้ว แสนเมืองมา
ประเพณียิ่งใหญ่
๑๑.เครื่องไจ้ไม้ไผ่นานา เป็นภูมิปัญญาคนเฒ่าบ่าเก่า ซิ่นแล้นั้นเล้าของเฮามีมา ขึ้นจื้อลือจาทั่วล้านนาไทย
๑๒.ขอสาน้อมไหว้จวนเจิญ ท่านผู้เจริญเจิญกั๋นมาแอ่ว มาเมืองแป้แก้วถึงแล้ว เวียงไจย ขอเจินเครือใยมา
แอ่วบ้านกาศ แลนา