ชื่อ การวาดลายแจกัน
ประวัติความเป็นมา
ในสมัยก่อนไม่ได้มีการเขียนลวดลายเหมือนในปัจจุบันเพียงใช้ร่มสีพื้น ๆ ๒ สี ตามที่กล่าวมาแล้ว คือ สีแดง และสีดำ การเขียนลวดลายบนร่มเพิ่งมีขึ้นไม่กี่สิบปีมานี้เอง การเขียนลวดลายลงบนแจกันนับว่ามีส่วนสำคัญในการช่วยทำให้แจกันขายดีซึ่งทำความสนใจให้แก่นักท่องเที่ยวที่ไปเยี่ยมชมสินค้าของหมู่บ้านนี้ ลวดลายที่เขียนนั้นมีหลายประเภทด้วยกัน เช่น ลายวิว ลายดอกไม้ และลายสัตว์ต่าง ๆ ช่างวาดภาพเหล่านี้แสดงฝีมือให้เห็นถึงความตื่นตาตื่นใจต่อผู้ที่ได้ชมทั้งชาวไทย และชาวต่างประเทศเป็นอย่างมาก
ช่างวาดภาพเหล่านี้ส่วนใหญ่ไม่ได้เรียนวาดภาพจากที่ไหนมาเพียงแต่ได้ฝึกมาจากผู้ใหญ่ที่เคยวาดมาก่อน โดยฝึกกันมาตั้งแต่เป็นเด็กในการวาดลวดลายดอกไม้ ช่างวาดจะใช้พู่กันจิ้มสี ๒ สี ข้างละสีในการวาดแต่ละครั้งซึ่งนับว่าเป็นของแปลกภาพที่ได้นั้นจะดูสวยงาม สีกลมกลืนกันดีดอกไม้ที่วาดส่วนมากจะเป็นดอกกุหลาบ การวาดก้าน และใบจะวาดเมื่อภาพดอกไม้ที่วาดก่อนหน้านั้นได้นำไปตากให้แห้งแล้ว ภาพสัตว์ต่าง ๆ นั้นก็วาดขึ้นจากจินตนาการตามที่เห็นสวยงาม เช่น ผีเสื้อ นก มังกร เป็นต้น
วัสดุที่ใช้ ประเภทผ้าทำจากฝ่าย ไหม เส้นทอง เส้นเงิน เป็นต้น ประเภทประทิ่นบอกส่วนผสมทุกชนิด
๑. แจกันสีพื้น ๆ
๒. สีน้ำมัน
๓. พูกัน
๔. ผ้าขนหนู
๕. ดินสอ
๖. จานสี
๗. แก้วน้ำ
๘. สเปรย์
วิธีทำ
๑. นำแจกันที่มีสีพื้น ๆ มาทาสีทั่วของแจกันแล้วทิ้งไว้ให้แห้งประมาณ ๒๐ นาที
๒. จากนั้นนำแจกันมาลงสีเหลืองโดยทาบางส่วนของแจกัน หรือบริเวณดอกที่วาดไว้
๓. เมื่อสีแห้งแล้วนำสีฟ้ามาทาที่ก้านของดอก จากนั้นทิ้งไว้ให้แห้ง
๔. เมื่อทาสีเสร็จเรียบร้อยแล้วนำสเปรย์มาฉีก เพื่อต้องการให้ภาพที่วาดดูมันวาว และสวยงาม