ทองที่มีชื่อเสียงนั้น อยู่ในเขตหมู่บ้านป่าร่อน ตำบลร่อนทอง อำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และบริเวณที่มีการขุดทองมากที่สุดอยู่ที่บริเวณห้วยจังหันซึ่งอยู่ห่างจากหมู่บ้านประมาณ 750 - 2,000 เมตร ปัจจุบันปริมาณทองลดน้อยลงมาก แต่ก็ยังมีชาวบ้านมาร่อนทองเพื่อเป็นอาชีพรองอยู่เสมอ
ปัจจุบันการศึกษากรรมวิธีการร่อนทองของชาวบ้านที่แบบเก่าหาดูได้ยาก เพราะมีเทคโนโลยีเข้ามาแทนที่ ต่อไปชนรุ่นหลังจะไม่ได้เห็นวิธีการขุดทองแบบพื้นบ้าน ที่ใช้ภูมิปัญญาและธรรมชาติที่มีอยู่ ฉะนั้นจึงควรอนุรักษ์วิธีการร่อนทองดังกล่าวไว้ ไม่ว่าจะโดยวิธีใดก็ตาม เพื่อสร้างความภาคภูมิใจร่วมกัน
ในอดีตศูนย์วัฒนธรรมจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ได้จัดประกวด “ระบำร่อนทอง” ขึ้น โดยผสมผสานระหว่างนาฏศิลป์กับวิถีชีวิตความเป็นจริง และเป็นที่น่าสังเกตว่า เมื่อใดที่มีแขกต่างบ้านต่างเมืองมาเยี่ยมเยือนท้องถิ่นใดในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จะมีการนำการแสดงชุด “ระบำร่อนทอง” ของพื้นที่ออกเผยแพร่ด้วยความภาคภูมิใจ
ตัวอย่างเช่น เมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๙ กลุ่มแม่บ้านอำเภอบางสะพาน ได้รำถวายหน้าพระที่นั่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช เพื่อทรงทอดพระเนตร
การแสดงระบำร่อนทอง แม้จะแตกต่างกันในรายละเอียด แต่เอกลักษณ์ร่วมยังคงอยู่ ฉะนั้นเพื่อให้ชุดการแสดงพื้นบ้านชุด “ระบำร่อนทอง” ซึ่งมีจุดกำเนิดจากวิถีชีวิตของคนในพื้นที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นเอกลักษณ์ในด้านการแสดงพื้นบ้านของจังหวัด และสามารถนำไปเผยแพร่แลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมกับองค์กรต่างๆ ให้กว้างขวางทั้งในระดับท้องถิ่น และระดับประเทศ
สภาวัฒนธรรมจังหวัด และคณะอนุกรรมการวัฒนธรรมจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จึงมอบหมายให้อำเภอบางสะพาน โดยสภาวัฒนธรรมอำเภอบางสะพานร่วมกับชาวบ้านในพื้นที่ รังสรรค์ท่วงท่ารำ โดยดัดแปลงผสมผสานให้กลมกลืนกับวิถีชีวิตจริงและสอดคล้องกับทำนองเพลง
ท่วงท่ารำ “ระบำร่อนทอง”จาก จุดเริ่มต้นของการลงมือขุดดินเพื่อหาทอง จนกระทั่งได้รับความสมหวังด้วยความปีติยินดีที่ได้ “ทองคำ” ประกอบด้วยท่วงท่า ต่าง ๆ ดังนี้เริมตั้งแต่ "ท่วงทีขุดดิน" เพืิ่อเปิดหน้าดิน ท่วงท่า "การขุดดิน" ท่วงที “การกอบดิน” ที่คาดว่าน่าจะมีแร่ทองปนอยู่ใส่เลียงเพื่อนำไปร่อน ท่วงท่า “ การกอบดิน ” ท่วงที การนำเลียงที่มีดินปนแร่ทองคำสู่ลำธารเพื่อ “ ร่อน ” ท่วงท่านำเลียง ใส่ดินปนทองสู่ลำธารเพื่อ “ ร่อน” ท่วงที “ การร่อนทอง” ในลำธาร ท่วงที“ การกวาดดิน” ออกจากเลียง และสุดท้ายเป็นท่วงท่า “ ปลื้มปีติ ” เมื่อได้ “ ทอง ” ของการแสดงชุดระบำร่อนทอง