ร่วมแสดงความคิดเห็นกับเรา
ขอขอบคุณสำหรับการเยี่ยมชมเวบไซต์ m-culture.in.th

เราได้จัดทำแบบสำรวจแบบง่ายๆ เพื่อจะ
ได้ทราบถึงสิ่งที่ผู้เยี่ยมชมเวบไซต์เรา
ชอบและให้เราได้เรียนเกี่ยวกับคุณมากขึ้น
 
ละติจูด (รุ้ง) : N 13° 47' 27.7537"
13.7910427
ลองจิจูด (แวง) : E 101° 9' 46.4566"
101.1629046
เลขที่ : 173526
ครกตำข้าวโบราณ
เสนอโดย nujib วันที่ 18 ธันวาคม 2555
อนุมัติโดย ฉะเชิงเทรา วันที่ 2 มกราคม 2556
จังหวัด : ฉะเชิงเทรา
0 4745
รายละเอียด

ครกตำข้าวโบราณเป็นเครื่องมือสำคัญในการแปรรูปข้าวเปลือกให้เป็นข้าวสารโดยวิธีการตำข้าววิธีการตำข้าวแบบเดิมของชาวบ้านนั้นเป็นการกะเทาะแยกเอาเปลือกหุ้มออกจากเมล็ดข้าว

ครกตำข้าวโบราณ หรือครกไม้ จะมีชื่อเรียกแตกต่างกันไป เช่น ครกซ้อมมือ ครกตำข้าว เป็นต้น ครกตำข้าวโบราณ ชาวบ้านจะใช้สำหรับตำข้าวเปลือก ตำงา ตำถั่ว ตำข้าวเม่า ตำขนมจีน แต่ส่วนใหญ่ในสมัยก่อนมุ่งใช้เพื่อตำข้าวเปลือกเป็นหลักเพราะในสมัยโบราณไม่มีโรงสีข้าวเหมือนในปัจจุบัน ชาวบ้านจึงต้องหาวิธีตำข้าวเปลือกให้เป็นเม็ดข้าวสารไว้สำหรับหุงกิน จึงคิดประดิษฐ์ครกที่ทำจากไม้ขึ้นมา

การทำครกตำข้าวโบราณ /ครกไม้

ชาวบ้านจะใช้ท่อนไม้ใหญ่ทั้งลำต้น ส่วนใหญ่จะเป็นไม้เนื้อแข็ง เช่นไม้ประดู่ ไม้แดง ไม้เต็ง ไม้มะค่า ไม้พะยอม ฯลฯ โดยจะตัดท่อนไม้ให้มีความยาวประมาณ 1 เมตรหรือประมาณ 80 –90 เซนติเมตร มีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ50-60 เซนติเมตรตัดหัวตัดท้ายให้ผิวเรียบเสมอกันเพราะเมื่อเวลานำครกไปตั้งไว้ ครกจะได้ตั้งได้ตรงไม่กระดกเอียงไปมาได้ จากนั้นชาวบ้านจะเจาะส่วนตรงกลางด้านบนของท่อนไม้ โดยไม่ให้เว้าลึกลงไปเหมือนครกหินการเจาะลึกจะใช้ขวานโยนและค่อยตกแต่งไปเรื่อย ๆ ให้ปากครกกว้างส่วนก้นครกจะลึกสอบเข้าเป็นหลุมลึกประมาณ ๕๐ เซนติเมตรบางพื้นที่จะใช้วิธีการเจาะตรงกลางเป็นร่องลึกโดยใช้ขวานฟันเอาแกลบใส่เป็นเชื้อและจุดไฟเผาส่วนกลางของท่อนไม้เผาเป็นโพรงให้มีขนาดลึกตามต้องการ เมื่อได้ขนาดตามที่ต้องการแล้วจะทำการขัดภายในให้เกลี้ยงเกลาตัวครกมีสองขนาดคือครกขนาดใหญ่ และครกขนาดเล็ก

เมื่อทำครกเสร็จแล้ว จะต้องทำสากเพื่อใช้ในการตำ ซึ่งการทำสากจะทำได้ ๒ วิธี คือ

๑ .สากมือ ทำด้วยไม้เนื้อแข็งมีความยาวประมาณ 2 เมตร ลักษณะปลายทั้งสองข้างโค้งมน หัวสากจะมนใหญ่ปลายสากจะมนเรียวเล็ก ตรงกลางลำตัวสากคอดกลมกลึงพอดีกับมือกำอย่างหลวมปลายสากมีไว้ตำข้าวตำ หัวสากมีไว้ตำข้าวซ้อม

๒ . สากชนิดใช้ไม้ ๒ ท่อนคือ ท่อนหนึ่งสำหรับตำ อีกท่อนหนึ่งเป็นมือจับ เรียกว่า สากโยนหรือสากมือ

การตำสิ่งของต่าง ๆ เช่น ตำข้าว ตำงา ตำพริก ตำแป้งขนมจีนและอื่น ๆ อาจตำคนเดียว หรือ ๒ - ๓ คนก็ได้ ผู้ตำข้าวส่วนใหญ่อยู่ในวัยทำงานถ้าตำหลายคนต้องตำสลับกันเมื่อตำสิ่งของละเอียดจะมีคนคอยใช้มือกลับไปกลับมาให้ตำทั่วถึงกัน

วิธีตำข้าวมีลำดับดังนี้

1. นำข้าวที่จะตำไปผึ่งแดดหนึ่งวันเพื่อให้ข้าวแห้งจะบุบเปลือกง่ายขึ้น

2. นำข้าวมาเทลงในครกจำนวนพอเหมะใช้คนตำสองสามคนมีจังหวะการตำที่ไม่พร้อมกัน

3. ใช้เวลาในการตำข้าวนานจนกว่าจะเหลือข้าวเปลือกจำนวนน้อยที่ปนอยู่ในข้าวสาร แล้วเก็บกากออก

ข้อดีของการตำข้าวด้วยครกไม้/ครกมือ คือ

เลือกสถานที่และเคลื่อนย้ายที่ตำได้ตามต้องการ เพราะครกไม้/ครกมือไม่ได้ฝังลงในดินนอกจากนี้ครกไม้/ครกมือใช้คนตำจำนวนน้อยประมาณ 2 –3 คน

ข้อเสียของครกไม้/ครกมือ คือใช้เวลาการตำนาน ออกแรงมาก ทำให้เหนื่อยเร็วและได้ข้าวจำนวนน้อย ในสมัยก่อนครกตำข้าวโบราณหรือครกไม้เป็นเครื่องใช้ที่มีแทบทุกครัวเรือน โดยชาวบ้านนิยมทำไว้ข้างยุ้งข้าวเพื่อความสะดวกโดยมุงหลังคายื่นออกมากันแดดกันฝนเรียกว่าเพิงมอง ถ้าบ้านใต้ถุนสูงจะตั้งครกไว้ใต้ถุนบ้าน

ปัจจุบันประชาชนในอำเภอคลองเขื่อน ไม่ใช้ครกดังกล่าวแล้ว เพราะใช้ไม่สะดวก และเนื่องจากมีการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่สามารถอำนวยความสะดวกสบายเข้ามาใช้ในพื้นที่ ประชาชนจึงค่อยๆ เลิกใช้ครกตำข้าวโบราณ บางบ้านจะไม่เก็บปล่อยให้ผุพัง หรือนำไปประยุกต์ใช้เป็นประโยชน์ด้านอื่น เช่น ที่นั่ง ที่วางของ โดยจะทำการคว่ำปากครกตำข้าวโบราณลง หงายก้นครกขึ้นมา หรือเมื่อมีใครมาขอซื้อจะขายไปในราคาถูก เด็ก เยาวชน ในอำเภอคลองเขื่อนไม่รู้จักครกตำข้าวโบราณแล้ว

คณะกรรมการสภาวัฒนธรรมอำเภอคลองเขื่อน ได้เล็งเห็นคุณค่าของครกตำข้าวโบราณ จึงได้ขอบริจาคครกตำข้าวโบราณจากบุคคลที่ไม่ได้ใช้แล้ว นำมาจัดแสดงไว้ ณ พิพิธภัณฑ์อำเภอคลองเขื่อน

คำสำคัญ
ครกไม้ ครกมือ
สถานที่ตั้ง
พิพิธภัณฑ์อำเภอคลองเขื่อน
เลขที่ 115 หมู่ที่/หมู่บ้าน หมู่ที่ 2 บ้านลาดปลาเค้า
ตำบล คลองเขื่อน อำเภอ คลองเขื่อน จังหวัด ฉะเชิงเทรา
รายละเอียดการเข้าถึงข้อมูล
บุคคลอ้างอิง นายเสนาะ ทิมศรี
เลขที่ 115/2 หมู่ที่/หมู่บ้าน หมู่ที่ 2 บ้านลาดปลาเค้า
ตำบล คลองเขื่อน อำเภอ คลองเขื่อน จังหวัด ฉะเชิงเทรา รหัสไปรษณีย์ 24000
โทรศัพท์ 0835885525
แสดงความคิดเห็น
โปรด เข้าสู่ระบบ ก่อนทำการแสดงความคิดเห็น

ชื่อผู้ใช้
รหัสผ่าน
ยังไม่มีการแสดงความคิดเห็น
ข้อมูลที่แสดงในระบบนี้ จัดเก็บโดยนักวิชาการวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม หากมีข้อเสนอแนะหรือข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อวัฒนธรรมจังหวัด
       ข้อมูลนี้เป็นประโยชน์หรือไม่