“ผมจุก ผมแกละ ผมเปีย มาเลียใบตอง พระตีกลอง ตะหลุ่มตุ่มเม่ง” เป็นคำที่ได้ยินในสมัยเป็นเด็กที่ชอบพูดล้อเลียนไว้ผมจุก ผมแกละ ผมเปีย ในขณะเป็นเด็ก ถ้าคนใดเลี้ยงยาก สุขภาพไม่แข็งแรง พ่อแม่เชื่อว่าภูตผีจะมาเอาตัวไป พ่อแม่จะแก้เคล็ดโดยนำดินเหนียวมาปั้นเป็นตุ๊กตาเด็กไว้ผมจุก ผมแกละ ผมเปีย เด็กหัวโล้น ให้เด็กเลือกจับ ถ้าเด็กจับตุ๊กตาตัวใด ก็จะไว้ผมตามที่เด็กจับ เด็กก็จะเลี้ยงง่านขึ้นตามลำดับ เมื่อเด็กผมจุก ผมแกละ ผมเปีย อายุย่างเข้าปีที่ ๗, ๙, ๑๑, ๑๓ จะทำพิธีโกนจุกซึ่งนิยมทำกันในเดือน ๔ หรือ เดือน ๖ จะจัดงาน ๒ วัน คือวันสุกดิบและวันโกนจุก วันสุกดิบจะนำ เด็กผมจุก ผมแกละ ผมเปีย ไปแต่งกายแบบโบราณที่สวยงาม เสร็จแล้วจะนำเด็กขึ้นหลังม้าแห่ขบวนจุกไปไหว้ศาลพ่อแม่ โดยเด็กจะนั่งพนมมือ มี ใบลานสานเป็นนกอยู่ในมือ ขบวนแห่จะมีคนถือ หอก ดาบ ปืน เดินทำหน้าที่ เพื่อป้องกันภูตผีไม่ให้มาทำลายเด็ก เมื่อขบวนแห่มาถึงบ้าน พ่อจะอุ้มเด็กลงจากลังม้า เข้าสู่พิธี “ทำขวัญจุก” เสร็จแล้วนิมนต์พระมาสวดมนต์เย็น เสร็จพิธีจึงให้เด็กเปลี่ยนชุดและวิ่งเล่นได้
พิธีโกนจุก เป็นพิธีกรรมที่ยึดถือปฏิบัติกันมาแต่สมัยโบราณ ปัจจุบันจะเหลือน้อยลง เป็นพิธีที่ทำเพื่อให้พ่อแม่เด็กมีขวัญและกำลังใจในการเลี้ยงลูกและเพื่อให้ ลูกได้นึกถึงว่าตนโตพอที่จะดูแลตัวเองได้แล้ว
สืบเนื่องมาจากพ่อแม่คลอดลูกออกมาแล้วลูกนั้นเป็นหญิง พ่อแม่เกรงว่าจะไม่ได้ทำบุญจึงไว้จุกให้ลูก หรือลูกบางคนเลี้ยงยากมักเจ็บไข้อยู่เสมอ ๆ พ่อแม่จึงไว้จุกเพื่อจะได้เลี้ยงง่าย พ่อแม่จะโกนผมรอบ ๆ ข้างนอกออก แล้วทำเป็นจุกไว้ตรงกลางกระหม่อม การทำจุกกลางกระหม่อมน่าจะเป็นเพราะตรงกลางกระหม่อมของเด็กมีผมบาง หากปล่อยทิ้งไว้โล้น ๆ อาจจะเกิดอันตรายได้ง่าย เช่น เป็นหวัดหรือถูกของแข็งกระทบ จะทำให้กระทบกระเทือนไปถึงภายในสมองได้ เมื่อไว้จุกแล้วก็พอจะป้องกันอันตรายได้บ้าง
พิธีกรรม ก่อนถึงวันโกนจุก จะมีการตกแต่งสถานที่สำหรับทำพิธีมงคล เตรียมหม้อน้ำมนต์ ผ้าขาว ใบบัว หญ้าแพรก ฟักเขียว มีดโกน กรรไกร ใส่พานไว้ แล้วเตรียมไปนิมนต์พระสงฆ์มาในพิธีสวดมนต์เย็นและฉันเช้า เมื่อถึงวันทำพิธีแต่งตัวเด็กให้สวยงามตามฐานะแล้วให้เด็กไปโกนจุกยังสถาน ที่พิธี โดยให้เด็กถือใบลานด้วยเพื่อป้องกันภูตผีปีศาจที่จะมาทำร้าย นำเด็กเข้าไปฟังสวดข้างในหน้าพระ เมื่อสวดมนต์จบก็ถวายน้ำร้อน น้ำเย็น ครั้นพระกลับวัดแล้วก็เลี้ยงดูผู้ที่มาฟังพระสวดมนต์
ในตอนเช้าพระสงฆ์มาฉันเช้า เมื่อแต่งตัวเด็กเสร็จเรียบร้อยแล้วนำมานั่งข้างหน้าพระ โดยนำฟักเขียวมาวางข้างหน้าเด็ก นำผ้าขาวมาปูบนพานแล้ววางใบบัวลงบนผ้าขาว ใส่ หญ้าแพรกลงกลางใบบัววางไว้เบื้องหน้าพระ พอได้เวลาพระสวดชยันโตถึงบทที่ว่า สีเสปฐวิโบก ขเร พระก็จะขลิบจุกทันที ต่อจากนั้นก็ให้ญาติผู้ใหญ่หรือพ่อของเด็กเป็นผู้โกนผมออกจนหมด แล้วรดน้ำมนต์เด็กเป็นเสร็จพิธี ส่วนผมที่โกนนั้นนำใส่ใบบัวแล้วนำไปลอยในแม่น้ำก่อนจะลอยก็อธิษฐานขอให้ความ สุขความเจริญจงมีแก่เด็กสืบไป
บางครอบครัว มีฐานะยากจนไม่สามารถจะจัดงานโกนจุกได้ เมื่อถึงวันที่โกนจุก ก็จะนิมนต์พระมาสวดชะยันโต เพื่อเป็นสิริมงคลกับเด็ก นิมนต์พระกรับผม ๓ ครั้ง ต่อจากนั้นให้ญาติตัดจุกและโกนจุก เป็นเสร็จพิธี แต่บางครอบครัวก็จะทำพิธีโกนจุกกันเอง โดยนำเด็กไปโกนจุกใต้ถุนยุ้งข้าว ขณะโกนก็จะทำน้ำมนต์ธรณีศาล พรมไปโกนไป “น้ำมนต์ธรณีศาล คือน้ำมนต์ที่ผู้รักษาศีลเป็นผู้ทำขึ้น เพราะเชื่อว่าจะทำให้เด็กเป็นปกติ มีสติที่สมบูรณ์ไม่ ฟั่นเฟือน เพราะชาวบ้านเชื่อว่า ถ้าโกนจุกกันเอง และไม่ใช้น้ำมนต์ธรณีศาล เด็กจะสติไม่ดี
มานพ ชื่นภักดิ์
นักวิชาการวัฒนธรรมชำนาญการ
อ้างอิง : ประเพณีการโกนจุก., (ระบบออนไลน์)
http://thai.ijook.com.,๒๕๕๔.
และ พิธีโกนจุก., (ระบบออนไลน์)
http://www.prapayneethai.com.,๒๕๕๔.