เป็นของใช้พื้นบ้านซึ่งใช้สำหรับตำข้าว ตำแป้งขนม ตำข้าวเม่า ตำแป้งข้าวปุ้น เป็นต้น บางทีเรียกครกกระดก หรือ ครกมอง ปัจจุบันการใช้ครกกระเดื่องมีใช้กันน้อยมาก จะมีอยู่ในบางหมู่บ้านที่ไม่มีโรงสีข้าว หรืออาจจะอยู่ห่างไกล และส่วนใหญ่จะเก็บอนุรักษ์ไว้ให้เยาวชนลูกหลานได้ศึกษา วิธีทำครกกระเดื่อง ตัวครกทำด้วยท่อนไม้ขนาดใหญ่เช่น ไม้หว้า ไม้กระโดนหรือไม้อะไรก็ได้ ตัดให้เป็นท่อนสูงประมาณ ๕๐-๖๐ เซนติเมตร ขุดส่วนที่สำหรับใส่เพื่อตำข้าวหรือสิ่งอื่น ๆ ให้เป็นเบ้าลึกลงไป ให้สามารถบรรจุเมล็ดข้าวเปลือกได้ครั้งละเกือบ ๑ ถัง หรือ ๑๒ กิโลกรัม ทำคานไม้หรือเรียกว่า แม่ครก หรือ แอวมอง ยาวประมาณ ๓ - ๔ เมตร เพื่อใช้สำหรับเจาะรูเส้าหรือสากไว้ตำข้าวตั้งเสา หรือหลักแอวมอง ๒ ต้นฝังดินให้แน่น อยู่ในแนวเดียวกัน กลางเสาทั้ง ๒ ต้นใช้สิ่วเจาะรู หรือบากไม้ให้เป็นร่อง แล้วสอดคานที่รูยึดเสาทั้ง ๒ ต้นให้ขนานกับพื้นดิน วางคานเส้าหรือสากให้ค่อนไปอยู่ปลายคานด้านตรงข้ามกับสาก ใช้คานสากตอกยึดกับคานไม้ที่ยึดเสา ๒ ต้นสากแบ่งออกเป็น ๓ ขนาด คือ ขนาดเล็ก เรียกว่า สากตำ ยาว ๕ เซนติเมตร ใช้ตำกะเทาะเปลือก ขนาดกลาง เรียกว่า สากต่าว ยาว ๗ เซนติเมตร ใช้ตำเอารำออก ขนาดใหญ่ เรียกว่า สากซ้อม ยาว ๑๐ เซนติเมตร ใช้ตำซ้อมให้ขาว ไม่มีกากใดทั้งสิ้น (ตำข้าวจนนวล) เอารำอ่อน เอาข้าวปลาย (ข้าวหัก) นำข้าวสารไปรับประทานได้
วิธีใช้จะวางครกไม้ให้ตรงกับเส้าหรือสาก เมื่อใส่ข้าวไปแล้ว จะใช้แรงเหยียบที่ปลายคาน ด้านที่ยึดติดกับเสา ๒ ต้น เมื่อใช้แรงเหยียบกดลงไป สากจะยกขึ้นเหมือนการเล่นไม้หก เวลาจะให้ตำสิ่งที่ต้องการก็ยกเท้าลง สากจะตำสิ่งของที่เราต้องการในเบ้าครก การตำข้าว จะต้องมีคนช่วยกัน คนหนึ่งเป็นคนเหยียบ อีกคนหนึ่งจะเป็นคนกวนหรือพลิกกลับมาให้สากทุบตำได้ทั่วถึง หากเมล็ดข้าวถูกแรงตำด้วยท่อนไม้สากบ่อย ๆ จะทำให้ข้าวเปลือกกะเทาะหลุดออกจากเมล็ด ชาวบ้านจะนำเมล็ดข้าวสารไปใส่กระด้งอีกทีหนึ่ง เพื่อฝัดให้เศษผงต่าง ๆ ปลิวออกไป แล้วเลือกเมล็ดข้าวเปลือกหรือเศษกรวดดินออก ก่อนที่จะนำไปหุงต่อไป
กลอนลำใช้ประกอบตำข้าวมีอยู่ว่า เดื่องเจ้าเดื่อง หางมองเจ้าเดื่อง สักกระลันครกข้าวเดิกมาจั่งสิหม่วน ขอเชิญชวนพี่น้อง มาขึ้นต่าวตำ ตำแล้วซ้อม แล้วจึงช่อยดอมดวด ผู้บ่าวเซียงหรือจาน มาช่อยตำนำน้อง ๆ ๆ